จะเห็นได้ว่าทั้งสองประโยคนี้เป็นการเขื่อมประโยคครับ อันแรกเป็นการเชื่อมประโยคสองประโยคเข้าด้วยกันให้เกิดประโยคใหม่ประโยคเดียว ด้วยการให้ but ทำหน้าที่ที่เราเรียกกันว่า “conjunction” ครับ ซึ่ง Conjunction คือ คำสันธานภาษาอังกฤษที่มีหน้าที่เชื่อมประโยคสองประโยคเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดประโยคใหม่ขึ้นมา
ทีนี้ประโยคที่สองก็เป็นการใช้ but เหมือนกัน แต่จะเห็นว่าประโยคนี้ไม่ใช่การเชื่อมประโยคเพื่อสร้างประโยคใหม่ เพราะยังมีสองประโยคในหนึ่งบรรทัดเหมือนเดิม แต่สิ่งที่แตกต่างกันนั้นคือ But ทำหน้าที่เป็น Transition word เพื่อเน้นย้ำความสำคัญความขัดแย้ง หรือ ความตรงกันข้ามกันระหว่างสองไอเดียครับ
ส่วนประโยคที่สามนั้น However ทำหน้าที่เป็น Transition word หรือ Linking word เพื่อเชื่อมประโยคที่มีไอเดียแตกต่างกันเข้าด้วยกันเพื่อให้การอ่านลื่นไหลมากขึ้น แต่ไม่ได้เป็นการสร้างประโยคใหม่ขึ้นมาแต่อย่างใด
ทั้งสามอย่างนี้เป็นสิ่งที่ทำให้คนสับสนอย่างมากเลยครับ
ประเด็นแรกก็คือ การเชื่อมสองประโยคเพื่อสร้างประโยคใหมด้วย but นั้น ดันไปคล้ายกับการใช้ however เพื่อเชื่อมไอเดียที่คล้ายกัน (แต่ไม่ได้สร้างประโยคใหม่) แถม however ยังมีความหมายใกล้เคียงกับ but ในภาษาไทยอีกด้วย
But สามารถแปลว่า “แต่” “ยกเว้น” “นอกจาก” ซึ่งมีหลักการใช้ในภาษาไทยที่เหมือนกับ however ที่แปลว่า “แต่” “อย่างไรก็ดี” “อย่างไรก็ตาม”
ทว่าภาษาไทยกับภาษาอังกฤษไม่เหมือนกันนั่นเอง และตรงนี้นี่เองที่ทำให้เราเผลอคิดว่า but กับ however มีหลักการใช้เหมือนกัน 100% ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความเชื่อนี้ไม่ถูกต้องตามหลักไวยกรณ์ภาษาอังกฤษเลยครับ
ดังนั้นผมคิดว่า ถ้าเราอยากจะใช้ but ให้คล่อง เราต้องเข้าใจหลักการใข้ but ในแต่ละหน้าที่ของมันว่า but ทำหน้าที่อะไรได้บ้าง ด้วยเงื่อนไขแบบไหน ผมจะพาทุกคนมาลงลึกและตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการใข้ but ในแต่ละหน้าที่ของมันครับ
ตัวอย่างการใช้ but ในประโยค ทำหน้าที่ Conjunction พร้อมคลายทุกข้อสงสัยการใช้ comma
อย่างที่ผมเล่าไปว่า หน้าที่หลักของการใช้ but คือการเชื่อมประโยคครับ และเมื่อเราใช้ but เพื่อเชื่อมประโยคสองประโยคเข้าด้วยกัน เราจะใช้ but ในหน้าที่ของ Conjunction ร่วมกับการใช้ comma ครับ
But นั้นมีความพิเศษอยู่อย่างนึง นั่นก็คือการเป็น Conjunction ที่สามารถเชื่อมประโยค Independent clause สองประโยคเข้าด้วยกันได้ ในขณะที่คำสันธานประเภทอื่นๆ จะไม่สามารถทำแบบเดียวกันได้ครับ
ซึ่งเราจะเรียกคำสันธานแบบ but ว่า Coordinating conjunction ครับ โดยคำสันธานประเภทนี้จะมีคำเรียกเก๋ๆ อย่าง FANBOYS Conjunction ที่ย่อมาจาก For, And, Nor, But, Or, Yet, So นั่นเอง
ทุกๆ ครั้งที่เราต้องการเชื่อมประโยคด้วย Conjunction สิ่งถัดมาที่เราต้องคำนึงก็คือเรื่องของการใช้ comma ครับ เพราะทุกครั้งที่เราใช้ Conjunction ในการเชื่อมประโยค เราจำเป็นต้องใช้คอมม่าให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ ซึ่งจุดนี้นี่เองที่ทำให้เกิดความสับสนอลหม่านขึ้นในการใช้ but โดยผมรวบรวมปัญหาการใช้ but ไว้ประมาณนี้ครับ
- but ต้องมี comma ไหม? แล้ว comma หน้า but คืออะไร?
- การใช้ but ขึ้นต้นประโยค ทำได้ไหมตามหลักไวยกรณ์?
- การใช้ but กับ yet เหมือนหรือต่างกันยังไง?
1. But ต้องมี comma ไหม? แล้ว comma หน้า but คืออะไร?
But ต้องมี comma ไหม? คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับการสร้างประโยคของเรา และ จุดประสงค์ในการใข้ but ของเราครับ
But ต้องมี comma ก็ต่อเมื่อเราต้องการเชื่อมประโยค Independent clause สองประโยคเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดประโยคใหม่ที่มีความหมายตรงข้ามกันครับ