สรุปการใช้ but ครบทุกประเด็น พร้อมตัวอย่างประโยคที่ใช้ได้จริง

เลือกอ่านตามหัวข้อ

การใข้ but คือเรื่องที่เป็นปัญหาอย่างมากกับคนไทยหลายๆ คนที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ comma หรือ ความหมายของ but ที่คล้ายกับ however จนเผลอตัวคิดว่าทั้งสองคำนี้ใข้แบบเดียวกันทั้งคู่ ซึ่งจริงๆ แล้ว ไม่ถูกต้องตามไวยากรณ์ภาษาอังกฤษครับ

วันนี้ Jasper & Reader จึงอยากจะมีแชร์วิธีการใช้ but แบบลงลึกกันไปเลยว่า but ใช้ยังไง และ but มีคอมม่าไหม? แล้วที่เห็น comma หน้า but บ่อยๆ คืออะไร? but กับ however ต่างกันอย่างไร? การใข้ but กับ yet เหมือนกันไหม? และทำไมการใข้ but ถึงได้วุ่นวายขนาดนี้ เพื่อให้เราหายข้องใจกับการใช้ but และมั่นใจมากขึ้นกับการเขียน essay สักที ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย!

ทำไมหลักการใช้ but ถึงยากที่จะเข้าใจ? และจะทำอย่างไรให้เข้าใจการใช้ but ได้มากขึ้น?

ผมคิดว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้ but ยากที่จะเข้าใจเป็นเพราะว่า but ทำหน้าที่ได้มากกว่า 1 อย่างนั่นเอง เนื่องจาก but ทำหน้าที่เชื่อมประโยคก็ได้ เป็นตัวบอกความสัมพันธ์ระหว่างคำก็ได้ และยังใช้บอกความขัดแย้งในประโยคได้อีกด้วย 

แต่แม้ว่าจะทำหน้าที่ได้หลากหลาย ผมคิดว่าหน้าที่หลักกว่า 80% ของการใช้ but คือการทำหน้าที่เชื่อมประโยคครับ โดยคำว่าเชื่อมประโยคในที่นี้มีความหมายกว้างมากๆ ครับ ยิ่งถ้าเราพึ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษจะงงมากๆ กับการเชื่อมประโยคในภาษาอังกฤษ 

ผมแบ่งการเชื่อมประโยคเป็น 2 แบบ นั่นก็คือ การเชื่อมประโยคด้วย Conjunction และ การเชื่อมประโยคด้วย Transition Word หรือ Linking word เพื่อให้ภาษาเขียนเราไหลลื่นครับ (ผมจะอธิบายในส่วนนี้ในช่วงท้ายๆ ครับ) เราลองมาดูตัวอย่างกันคร่าวๆ ก่อน

จะเห็นได้ว่าทั้งสองประโยคนี้เป็นการเขื่อมประโยคครับ อันแรกเป็นการเชื่อมประโยคสองประโยคเข้าด้วยกันให้เกิดประโยคใหม่ประโยคเดียว ด้วยการให้ but ทำหน้าที่ที่เราเรียกกันว่า “conjunction” ครับ ซึ่ง Conjunction คือ คำสันธานภาษาอังกฤษที่มีหน้าที่เชื่อมประโยคสองประโยคเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดประโยคใหม่ขึ้นมา

ทีนี้ประโยคที่สองก็เป็นการใช้ but เหมือนกัน แต่จะเห็นว่าประโยคนี้ไม่ใช่การเชื่อมประโยคเพื่อสร้างประโยคใหม่ เพราะยังมีสองประโยคในหนึ่งบรรทัดเหมือนเดิม แต่สิ่งที่แตกต่างกันนั้นคือ But ทำหน้าที่เป็น Transition word เพื่อเน้นย้ำความสำคัญความขัดแย้ง หรือ ความตรงกันข้ามกันระหว่างสองไอเดียครับ

ส่วนประโยคที่สามนั้น However ทำหน้าที่เป็น Transition word หรือ Linking word เพื่อเชื่อมประโยคที่มีไอเดียแตกต่างกันเข้าด้วยกันเพื่อให้การอ่านลื่นไหลมากขึ้น แต่ไม่ได้เป็นการสร้างประโยคใหม่ขึ้นมาแต่อย่างใด

ทั้งสามอย่างนี้เป็นสิ่งที่ทำให้คนสับสนอย่างมากเลยครับ 

ประเด็นแรกก็คือ การเชื่อมสองประโยคเพื่อสร้างประโยคใหมด้วย but นั้น ดันไปคล้ายกับการใช้ however เพื่อเชื่อมไอเดียที่คล้ายกัน (แต่ไม่ได้สร้างประโยคใหม่) แถม however ยังมีความหมายใกล้เคียงกับ but ในภาษาไทยอีกด้วย

But สามารถแปลว่า “แต่” “ยกเว้น” “นอกจาก” ซึ่งมีหลักการใช้ในภาษาไทยที่เหมือนกับ however ที่แปลว่า “แต่” “อย่างไรก็ดี” “อย่างไรก็ตาม”

ทว่าภาษาไทยกับภาษาอังกฤษไม่เหมือนกันนั่นเอง และตรงนี้นี่เองที่ทำให้เราเผลอคิดว่า but กับ however มีหลักการใช้เหมือนกัน 100% ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความเชื่อนี้ไม่ถูกต้องตามหลักไวยกรณ์ภาษาอังกฤษเลยครับ

ดังนั้นผมคิดว่า ถ้าเราอยากจะใช้ but ให้คล่อง เราต้องเข้าใจหลักการใข้ but ในแต่ละหน้าที่ของมันว่า but ทำหน้าที่อะไรได้บ้าง ด้วยเงื่อนไขแบบไหน ผมจะพาทุกคนมาลงลึกและตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการใข้ but ในแต่ละหน้าที่ของมันครับ

ตัวอย่างการใช้ but ในประโยค ทำหน้าที่ Conjunction พร้อมคลายทุกข้อสงสัยการใช้ comma

อย่างที่ผมเล่าไปว่า หน้าที่หลักของการใช้ but คือการเชื่อมประโยคครับ และเมื่อเราใช้ but เพื่อเชื่อมประโยคสองประโยคเข้าด้วยกัน เราจะใช้ but ในหน้าที่ของ Conjunction ร่วมกับการใช้ comma ครับ

But นั้นมีความพิเศษอยู่อย่างนึง นั่นก็คือการเป็น Conjunction ที่สามารถเชื่อมประโยค Independent clause สองประโยคเข้าด้วยกันได้ ในขณะที่คำสันธานประเภทอื่นๆ จะไม่สามารถทำแบบเดียวกันได้ครับ

ซึ่งเราจะเรียกคำสันธานแบบ but ว่า Coordinating conjunction ครับ โดยคำสันธานประเภทนี้จะมีคำเรียกเก๋ๆ อย่าง FANBOYS Conjunction ที่ย่อมาจาก For, And, Nor, But, Or, Yet, So นั่นเอง

ทุกๆ ครั้งที่เราต้องการเชื่อมประโยคด้วย Conjunction สิ่งถัดมาที่เราต้องคำนึงก็คือเรื่องของการใช้ comma ครับ เพราะทุกครั้งที่เราใช้ Conjunction ในการเชื่อมประโยค เราจำเป็นต้องใช้คอมม่าให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ ซึ่งจุดนี้นี่เองที่ทำให้เกิดความสับสนอลหม่านขึ้นในการใช้ but โดยผมรวบรวมปัญหาการใช้ but ไว้ประมาณนี้ครับ

  • but ต้องมี comma ไหม? แล้ว comma หน้า but คืออะไร?
  • การใช้ but ขึ้นต้นประโยค ทำได้ไหมตามหลักไวยกรณ์?
  • การใช้ but กับ yet เหมือนหรือต่างกันยังไง?

 

1. But ต้องมี comma ไหม? แล้ว comma หน้า but คืออะไร?

But ต้องมี comma ไหม? คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับการสร้างประโยคของเรา และ จุดประสงค์ในการใข้ but ของเราครับ

But ต้องมี comma ก็ต่อเมื่อเราต้องการเชื่อมประโยค Independent clause สองประโยคเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดประโยคใหม่ที่มีความหมายตรงข้ามกันครับ

จะเห็นได้ว่าทั้งสองประโยคก่อนจะเชื่อมกัน เป็น Independent clause ที่หมายถึงประโยคที่มีความหมายสมบูรณ์ในตัวของมันเอง เราอ่านปุ้บ เข้าใจปั้บว่าประโยคนี้หมายถึงอะไร (ฉันรักไอติม กับ ไอติมแพง)

และเมื่อเราใช้ but ทำหน้าที่เป็น conjunction ในการเชื่อม Independent clause สองประโยคเข้าด้วยกัน ก็จะเกิดประโยคใหม่ขึ้นมาที่มีความแตกต่างจากเดิมนั่นเอง (ฉันรักไอติม แต่มันช่างแพงเหลือเกิน!)

ทีนี้ แล้ว comma หน้า but คืออะไรละ?

การเชื่อม Independent clause หรือ ประโยคที่มีความหมายสมบูรณ์ด้วยตัวมันเองเข้าด้วยกันนั้น จำเป็นต้องใช้สองสิ่งครับ อย่างแรกก็คือการใช้ Coordinating conjunction ซึ่งในกรณีนี้ก็คือการใช้ but และอย่างที่สองก็คือการใช้ comma เพื่อทำให้เราสามารถรวบสองประโยคไว้เป็นหนึ่งประโยคได้ตามหลักแกรมม่าภาษาอังกฤษครับ

ดังนั้น comma หน้า but คือ การที่ but ทำหน้าที่เป็น conjunction ในการเชื่อม Independent clause สองอันเข้าด้วยกันเพื่อสร้างประโยคใหม่ โดยที่ comma ทำหน้าที่ผูกทั้งสองประโยคเข้าด้วยกันนั่นเอง

แล้วถามว่า but ไม่มี comma ได้ไหม คำตอบก็คือได้ครับ โดย but ไม่มีคอมม่ามักจะทำหน้าที่เป็น Preposition หรือ Adverb ไม่ก็เป็น Transition word หรือ Linking word ครับ (ซึ่งมีอธิบายในหัวข้อถัดๆ ไป)

2. การใช้ but ขึ้นต้นประโยค ทำได้ไหมตามหลักไวยกรณ์?

เรามักจะได้ยินคำแนะนำที่ว่าอย่าใช้ but ขึ้นต้นประโยคใช่ไหมครับ? ส่วนตัวผมคิดว่าการแนะนำแบบนี้ทำให้เราไม่สับสนกับการใช้ but ที่ค่อนข้างซับซ้อนครับ

แต่จะมีกรณีที่เรามักจะไม่แนะนำให้ใช้ but ของต้นประโยคอย่างจริงจังเลย นั่นก็คือการเขียน essay ที่เป็นทางการและเป็นในเชิงของ Academic writing ครับ

แต่โดยสรุป การใช้ but ขึ้นต้นประโยค สามารถทำได้ตามหลักไวยกรณ์ภาษาอังกฤษครับ โดยเฉพาะในกรณีที่เราต้องการเน้นย้ำความขัดแย้ง หรือ ความตรงกันข้ามระหว่าง 2 ประโยคครับ ซึ่งเราจะเห็นการใช้บ่อยๆ ในการเขียนข่าว หรือ หนังสือต่างๆ ครับ เราลองมาดูตัวอย่างกัน

ถ้าเราลองอ่านออกเสียงดังๆ เรารู้จะรู้สึกว่าตัวอย่างที่สองมีการเน้นย้ำเรื่องความตรงกันข้ามของไอเดียมากกว่าตัวอย่างแรกครับ นั่นเป็นเพราะว่า 

1) เวลาเราอ่าน comma เราจะอ่านโดยไม่เว้นจังหวะหายใจ แต่ถ้าเป็นเครื่องหมาย Fullstop (เครื่องมือจุด) เราจะต้องหยุดครู่นึงเพื่อหายใจและอ่านต่อ ทำให้ประโยคในตัวอย่างที่สองมีความเน้นย้ำเรื่องของความขัดแย้งของไอเดียมากกว่าครับ

2) การใช้ but ขึ้นต้นประโยคแบบตัวอย่างที่สอง เป็นการเน้นย้ำในไอเดียที่ว่า “แต่มันสายไปแล้วละที่คุณจะมาขอโทษฉัน” มากกว่าไอเดียโดยรวมที่ต้องการสื่อว่า มันสายไปแล้ว ฉันไปเจอผู้ชายคนอื่น นั่นเอง 

ซึ่งนอกจากการใช้ but ขึ้นต้นประโยคแล้ว เรายังสามารถใช้ Conjunction อื่นๆ ขึ้นต้นประโยคได้ด้วยเช่นกันครับ เช่น although, however, because, yet เป็นต้นครับ

3. การใช้ but กับ yet เหมือนและแตกต่างกันอย่างไร?

การใช้ yet กับการใช้ but นั้นมีความเหมือนกันในแง่ของการเป็น Coordinating conjunction หรือ FANBOYS Conjunction ที่สามารถใช้แทนกันได้ครับ แต่ในแง่ของความหมายนั้นจะมีความแตกต่างกัน 3 อย่าง นั่นก็คือ

  • การใช้ but จะเป็นการบอกถึงข้อเท็จจริงที่ขัดแย้ง หรือ ตรงข้ามกัน โดยไม่มีอารมณ์สอดแทรก แต่การใช้ yet จะมีอารมณ์สอดแทรกที่มากกว่า
  • การใช้ yet แสดงให้เห็นถึงความเป็นตรงกันข้ามที่มากกว่าการใช้ but และยังแสดงให้เห็นถึงความประหลาดใจอีกด้วย
  • การใช้ yet จะใช้ในบริบทที่มีความเป็นทางการมากกว่าการใช้ but

ตัวอย่างการใช้ but ในประโยค ทำหน้าที่ Preposition ซึ่งมักไม่มีการใช้ comma

Preposition คือ คำที่ใช้บอกความสัมพันธ์ระหว่างคำ ไม่ว่าจะเป็นคำนาม คำสรรพนาม หรือกริยา ในประโยค ซึ่งการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างคำที่ว่านี้สามารถเป็นได้ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างคำๆ นั้นกับสถานที่ ตำแหน่ง เวลา และ ทิศทาง โดย Preposition นั้นทำหน้าที่เหมือนกับคำบุพบทในภาษาไทยนั่นเอง ดังนั้นเมื่อเราใช้ but เป็น preposition ในประโยค but จะมีความหมายว่า “ยกเว้น” “นอกจาก” ครับ ซึ่งมีความหมายใกล้เคียงกับ except for หรือ apart from

ในส่วนนี้นี่เองที่ but จะไม่มี comma ในประโยคครับ เพราะเป็นการใช้ but ในฐานะของ Preposition ที่แปลว่า “นอกจาก” เพื่อบอกความสัมพันธ์ระหว่าง Nobody กับ Jasper & Reader ว่าคุณภาพการสอนภาษาอังกฤษมีความตรงกันข้ามกันกับ Nobody อย่างไรครับ

อีกหนึ่งหน้าที่ของ but ก็คือสร้างประโยคใหม่ด้วยการเชื่อม Independent clause เข้ากันกับสิ่งที่เรียกว่า Sentence fragment ครับ ซึ่งการใช้ but แบบนี้จะไม่มี comma เช่นกันครับ

Sentence fragment คือ ประโยคที่ขาดประธาน (Subject) หรือ กริยา (Verb) หรือขาดทั้งสองอย่าง ทำให้ประโยคไม่สมบูรณ์ เราลองมาดูตัวอย่างกันครับ

ตัวอย่างนี้เราจะเห็นได้ว่า Jasper & Reader is an expert in English เป็น Independent clause ที่มีความสมบูรณ์ในตัวมันเอง และมีประโยคที่เป็น Fragment อยู่นั่นก็คือ not Math ที่ขาดทั้ง Subject และ Verb ซึ่งแม้ว่าเราจะไม่รู้หลักไวยกรณ์ แต่ถ้าลองแปลไทยออกมาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจะสื่ออะไร ดังนั้นในกรณีนี้จึงเป็นกรณีเดียวที่เราจะไม่ใส่ comma เมื่อเราใช้ but ในการเชื่อมประโยคเข้าด้วยกันครับ

ตัวอย่างการใช้ but ในประโยค ทำหน้าที่ Adverb

การใช้ but ทำหน้าที่เป็น Adverb ของประโยคจะแปลว่า Only หรือแปลเป็นไทยว่า “เท่านั้น” ครับ 

อย่างไรก็ดี เมื่อเราพูดถึง Adverb เรามักจะกลับมาถึงเรื่องการเชื่อมประโยคอีกครั้งครับ ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมแห่งความสับสนเลยก็ได้ว่าได้ครับ เนื่องจากในภาษาอังกฤษมีสิ่งที่เรียกว่า Conjunctive Adverb หรือ Adverb ที่สามารถทำหน้าที่เชื่อมไอเดียของสองประโยคเข้าด้วยกันให้ภาษาเขียนไหลลื่น โดยที่ไม่ได้รวบสองประโยคเข้าด้วยกันเป็นประโยคใหม่ประโยคเดียว

จุดนี้สำคัญมากๆ ครับ Conjunctive Adverb ถูกเรียกสลับไปกันไปมาระหว่าง Linking word หรือ Transition word ที่เชื่อมไอเดียสองประโยคเข้าด้วยกัน แต่ท้ายที่สุดแล้ว Adverb เหล่านี้ไม่ได้เชื่อมสองประโยคเข้าด้วยกันเพื่อสร้างประโยคใหม่ขึ้นมา เว้นแต่เราจะ semicolon ครับ 

ผมได้รวบรวมเรื่องที่คิดว่าเราน่าจะสงสัยเกี่ยวกับการใช้ but และการใช้ Conjunctive Adverb ไว้ประมาณ 2 เรื่องดังนี้ครับ 

  • but กับ however ต่างกันอย่างไร
  • การใช้ but however although on the other hand

 

1) but กับ however ต่างกันอย่างไร?

การใช้ however กับ but มีความแตกต่างใหญ่ๆ 2 อย่างก็คือ 1) การใช้ but และ however เชื่อมประโยค 2)  but สามารถทำหน้าที่เป็นได้ทั้ง Conjunction, Adverb และ Preposition ในขณะที่ however ทำหน้าที่เป็น Adverb (Conjunctive adverb) เท่านั้นครับ 

ความแตกต่างที่ 1: but กับ however สามารถใช้เชื่อมประโยคได้ แต่ด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน

ข้อนี้สำคัญมากๆ ครับ เราสามารถใช้ but กับ however เชื่อม Independent clause เข้าด้วยกันได้ แต่วิธีการที่เราใช้เชื่อมแตกต่างกันครับ

But คือ Coordinating conjunction ที่สามารถเชื่อม Independent clause 2 ประโยคเข้าด้วยกันด้วยการใช้ comma ในขณะที่หากเราจะใช้ however ที่เป็น adverb เพื่อเชื่อมประโยคที่เป็น Independent clause 2 ประโยค เข้าด้วยกัน เราต้องใช้ semicolon เชื่อมประโยคเพื่อให้ถูกหลักไวยกรณ์ภาษาอังกฤษครับ

จุดนี้คือข้อแตกต่างที่ชี้เป็นชี้ตายเรามากๆ ในการสอบเขียน essay ครับ เพราะ however นั้น แม้จะถูกเรียกว่า Conjunctive adverb หรือ Adverb ที่ทำหน้าที่เป็นคำเชื่อมได้ แต่วิธีการเชื่อมนั้นแตกต่างกันนั่นเอง ถ้าจำจุดนี้ได้ ผมคิดว่าเราจะไม่งงความแตกต่างระหว่างการใช้ but กับ however อีกต่อไป

ความแตกต่างที่ 2: but ทำหน้าที่เป็น Conjunction, Preposition และ Adverb ได้ ในขณะที่ however ทำหน้าที่เป็นได้แค่ Adverb เท่านั้น

จุดทับซ้อนตรงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความแตกต่างที่สำคัญครับ (ทำไม but มันทำหน้าที่ได้เยอะขนาดนี้นะ!) เราใช้ but เชื่อมประโยคได้ด้วย comma ในฐานะ coordinating conjunction อย่างที่เล่าไปในความแตกต่างแรก และสามารถเป็น Preposition ได้ในการบอกความสัมพันธ์ของสิ่งสองสิ่งที่แตกต่างกัน และสุดท้าย but เป็น adverb ที่แปลว่า “เท่านั้น” ครับ

ตัวอย่างการใช้ but ในประโยค ทำหน้าที่ Noun และ Idiom สำนวนภาษาอังกฤษ

ผมคิดว่าเรามักจะไม่ค่อยเห็นการใช้ but ในหน้าที่ของคำนามสักเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่เรามักจะเจอก็คือการที่ but เป็นสำนวนภาษาอังกฤษ หรือ Idiom เสียมากกว่าครับ ผมขอหยิบตัวอย่าง Idiom คร่าวๆ ที่มี but ในสำนวน ครับ

Idiom ที่มี but

ความหมาย

ตัวอย่างประโยค

But then (again)

แต่ก็อย่างว่า.. มีความหมายคล้ายๆ กับ however

Jasper & Reader teaches English very well. But then he taught English for 10 years.

(แจ๊สเปอร์สอนภาษาภาษาอังกฤษดีมากเลย แต่ก็อย่างว่าพี่แกสอนมาเป็น 10 ปีละ) 

No buts

ใช้ในการบอกว่า คุณต้องทำตามสิ่งที่ฉันบอก ห้ามเภียง ห้ามมีคำว่าแต่

A: I do believe you, but..

B: “There are no buts“. You must do as I said.

Nothing but

ไม่มีอะไรแล้ว นอกจาก…

Nothing but a miracle to save me from this English test!

ไม่มีอะไรแล้วนอกจากปาฏิหาร์ยที่จะช่วยให้ฉันจากการสอบภาษาอังกฤษ

Last but not least

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด (ถึงจะอยู่ลำดับสุดท้าย แต่ความสำคัญก็ไม่ได้รั้งท้ายนะ)

Last but not least, I’d like to thank all the students that are eager to learn English.

Anything but

ไม่ใช่แน่นอน (Definitely not)

The dinner was anything but cheap.

มื้อเย็นนี้เป็นทุกอย่าง แต่ไม่ใช่อาหารถูกๆแน่นอน

จะเห็นได้ว่ามีบางสำนวนที่ but เป็นคำนามของประโยคเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของสำนวนภาษาอังกฤษเลยครับ อย่างเช่น no buts นั่นเอง

สรุปการใช้ but และการเรียนภาษาอังกฤษกับ Jasper & Reader

จบกันไปแล้วกับการใช้ But ครับ ผมหวังว่าเราจะเข้าใจว่ามากขึ้นว่า but ใช้กับอะไรได้บ้าง และช่วยให้คุณภาพการเขียน essay ของเราเพิ่มมากขึ้นครับ

ผมทำ Jasper & Reader ขึ้นมาเพื่อเป็นบันทึกการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของผมเพื่อเรียนต่อ และอยากทำแหล่งความรู้ภาษาอังกฤษที่ช่วยให้เราสามารถเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง รวมถึงต้องการให้คนได้รับประสบการณ์การอ่านภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดครับ

หนึ่งในวิธีการเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดคือการเอาตัวเราไปขลุกกับภาษาอังกฤษบ่อยๆ ครับ ถ้าเราเห็นคอนเทนต์ภาษาอังกฤษในเวลาที่เล่น Social media ก็จะช่วยให้เราซึบซับภาษาอังกฤษไปทีละนิดๆ ครับ ยังไงถ้าสนใจสามารถกดติดตาม Facebook Jasper & Reader ไว้ หรือช่องทาง Twitter และ TikTok ไว้ได้เลยสำหรับที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองครับ