หลักการใช้ comma ในภาษาอังกฤษอย่างละเอียด พร้อมตัวอย่างประโยค

เลือกอ่านตามหัวข้อ

Essay ออกมาไม่ดีเพราะยังใช้ comma ไม่ถูกรึเปล่า?

หนึ่งองค์ประกอบสำคัญของการเขียน essay ให้โดดเด่น คือ การใช้ comma อย่างมีกลยุทธ์ ซึ่งมีน้อยคนนักที่จะทำได้

วันนี้ Jasper & Reader อยากจะพาทุกคนมาเข้าใจถึงหลักการใช้ comma ในภาษาอังกฤษ อย่างละเอียดเลยว่า สามารถเอาใช้ทำอะไรได้บ้าง เพื่อให้ essay ของเราออกมาโดดเด่นเหนือใคร! ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!

เครื่องหมาย comma คืออะไร?

เครื่องหมาย comma คือ เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ ที่สามารถแยกคำ วลี หรือประโยค รวมถึงการเชื่อมสองประโยคเข้าด้วยกันเป็นประโยคเดียว เพื่อให้บอกการเว้นจังหวะในการอ่านและพูด ทำให้การอ่านและการพูดจับใจความง่ายขึ้น 

คนไทยเราเรียกเครื่องหมาย comma หลากหลายชื่อครับ ทั้งเครื่องหมายจุลภาค เครื่องหมายลูกน้ำ แต่ชื่อทั้งหมดนี้คือสิ่งเดียวกัน นั่นก็คือ comma นั่นเองครับ

Comma นั้นมีหลักการใช้ค่อนข้างหลายบริบทในการเขียนภาษาอังกฤษครับ ซึ่งทำให้หลายๆ คนสับสนกับการใช้ comma เป็นอย่างมาก ผมเลยขอสรุปหลักการใช้ comma อย่างละเอียดไว้ 7 ข้อดังนี้

7 หลักการใช้ comma ในภาษาอังกฤษ อย่างละเอียด

  • ใช้ comma ร่วมกับ conjunction เชื่อมประโยคเข้าด้วยกัน
  • ใช้ comma เมื่อขึ้นต้นประโยคด้วย dependent clause
  • ใช้ comma เพื่อแยก Noun, Verb, Adjective และ Participle phrase
  • ใช้ comma เป็น Interrupter เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมในประโยค หรือ เพื่อแสดงถึงอารมณ์และการเน้นย้ำ
  • ใช้ comma เพื่อความชัดเจนของประโยค
  • ใช้ comma ในประโยคคำถาม (Question tag)
  • ใช้ comma เพื่อเรียกชื่อ ทักทาย และแยกวันเวลาสถานที่

1) ใช้ comma ร่วมกับ conjunction เชื่อมประโยคเข้าด้วยกัน

หนึ่งในสถานการณ์ที่ใช้ comma มากที่สุด ก็คือการใช้ comma เชื่อมประโยค หรือ clause เข้าด้วยกันครับ โดยหลักการเชื่อมประโยคเข้าด้วยกันนั้น เราจะใช้สิ่งที่เรียกว่า conjunction ร่วมกับ comma เพื่อเชื่อม clause สองประเภท นั่นก็คือ independent clause กับ dependent clause ซึ่ง comma มีส่วนบทบาทยังไงบ้าง เรามาดูกันเลยครับ 

1.1. เชื่อมประโยค independent clause กับ independent clause เข้าด้วยกัน

เครื่องหมายคอมม่านั้นจะถูกมาใช้ร่วมกับ FANBOYS conjunction เพื่อเชื่อมประโยค independent clause สองประโยคเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า Compound sentence ซึ่งเป็นหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของการเขียน essay ที่ดีครับ

Jasper & Reader is a website for self-studying English.

(Jasper & Reader เป็นเว็บไซต์สำหรับการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง)

อย่างไรก็ดี เรามักจะมีการใช้ comma ในลักษณะนี้ผิดอยู่บ่อยๆ ครับ เราลองมาดูตัวอย่างกัน

Because I self-study English at Jasper & Reader website

(เป็นเพราะว่าฉันเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองที่เว็บไซต์ Jasper & Reader

จากตัวอย่างนี้จะเห็นว่า เราเชื่อมสองประโยคเข้าด้วยกันโดยใช้เพียงแค่ comma แต่ไม่ได้ใช้ FANBOYS conjunction ทำให้ประโยคเหล่านี้เป็นการใช้ comma แบบผิดหลัก Grammar ที่เราเรียกกันว่า Comma splice ครับ ถ้าอยากใช้ comma ให้ถูกให้จำโครงสร้างนี้ไว้ครับ

[Independent clause] + [comma] + [FANBOYS conjunction] + [Independent clause]

1.2 เชื่อมประโยค independent clause กับ dependent clause เข้าด้วยกัน

อีกหนึ่งบริบทที่ comma ถูกนำมาใช้อยู่เสมอ คือ กรณีที่เราต้องการเชื่อม independent clause กับ dependent clause เข้าด้วยกันครับ โดยเราจะใช้สิ่งที่เรียกว่า Subordinating conjunction เพื่อสร้างประโยคประเภท Complex sentence ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเภทของประโยคที่ช่วยแสดงให้เห็นถึงสไตล์การเขียน essay ที่โดดเด่นครับ

ตัวอย่างการเชื่อมประโยคด้วย dependent clause กับ independent clause ที่ดีกรณีนึงคือ การใช้ because กับ because of เป็น subordinating conjunction ในการเชื่อมประโยคครับ เราลองมาดูตัวอย่างกัน

Because I self-studied English at Jasper & Reader, my score in the English subject has significantly improved!

Because of the self-study session at Jasper & Reader, my score in the English subject has significantly improved!

จะเห็นได้ว่าเราใช้ comma ตามหลังประโยคที่ขึ้นต้นด้วย Dependent clause ทำให้สไตล์การเขียน essay เราดูมีมิติขึ้น แถมยังถูกหลัก Grammar อีกด้วย!

2) ใช้ comma เมื่อขึ้นต้นประโยคด้วย dependent clause

อีกหนึ่งเหตุการณ์ยอดฮิตในการใช้ comma คือการขึ้นต้นประโยคด้วย dependent clause ครับ

เอ๊ะ? แล้วมันต่างกับข้อที่ผ่านมายังไงละ? จริงๆ แล้วยังมีอีกสองสถานการณ์ที่เราต้องใช้ comma ร่วมกับ dependent clause ครับ นั่นก็คือ 

  • เมื่อเราต้องการใช้ Participial phrase ขึ้นต้นประโยค
  • เมื่อเราต้องการ Adverbial phrase ขึ้นต้นประโยค

 

Participle คือ การที่กริยาสามารถทำหน้าที่เป็น Adjective เพื่อขยายคำนามได้ โดยมีโครงสร้างการประโยคการใช้ตามด้านล่างนี้ครับ

โครงสร้างประโยคการใช้ comma ร่วมกับ Participial phrase

[Participial phrase] + comma + ประโยคหลัก

Self-studying English at Jasper & Reader, I improved my score in English subject significantly.

ในขณะที่ Adverbial phrase คือ วลีที่ทำหน้าที่เป็น Adverb ในประโยคครับ เราลองมาดูตัวอย่างกัน

โครงสร้างประโยคการใช้ comma ร่วมกับ Adverbial phrase

[Adverbial phrase] + comma + ประโยคหลัก

After I came back from school, I self-studied English at Jasper & Reader.

ประโยคแนวนี้ผมเชื่อว่าเราเห็นกันบ่อยมากๆ ครับ โดยเฉพาะพวกงานเขียนที่เป็นการเล่าเรื่องต่างๆ ซึ่งการใช้ comma แบบนี้ทำให้การเขียนเราโดดเด่นขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว แถมสามารถส่งสัญญาณให้กรรมการเห็นว่าเรามีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษที่คู่ควรต่อการได้คะแนนสูงๆ อีกด้วย

3) ใช้ comma เพื่อแยก Noun, Verb, Adjective และ Participial phrase

เราจะใช้เครื่องหมาย comma เมื่อเรากล่าวถึงคำที่เป็นคำนาม, กริยา หรือ คำคุณศัพท์ที่มีจำนวนมากกว่าหรือเท่ากับ 3 คำขึ้นไปครับ 

3.1. ใช้ comma เพื่อแยกคำนาม (Noun)

การใช้ comma เพื่อแยกคำนามเป็นกรณีที่ผมใช้บ่อยที่สุดครับ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เราจะกล่าวถึงคำนามจำนวนมากกว่าหรือเท่ากับสามสิ่งนั้นมีค่อนข้างสูงกว่ากรณีอื่นๆ โดยกรณีนี้เราจะต้องมีการใช้ and ร่วมด้วย เพื่อให้ถูกหลักไวยากรณ์ เราลองมาดูตัวอย่างกัน

ตัวอย่าง

Yesterday, I self-studied Part of Speech, Clause, and how to write an essay at Jasper & Reader website.

3.2. ใช้ comma เพื่อแยกกริยา (Verb)

การใช้ comma เพื่อแยกคำกริยานั้นเหมือนกับการแยกคำนามเลยครับ เมื่อเราพูดถึงการกระทำมากกว่าหรือเท่ากับสามอย่าง เราจะต้องมีการใช้ comma ร่วมกับการใช้ and ครับ

ตัวอย่าง

Yesterday, I self-studied English, played games, and exercised all day!

3.3. ใช้ comma เพื่อแยกคำคุณศัพท์ (Adjective)

ทีนี้จะถึงจุดที่แตกต่างในการใช้ comma เพื่อแยกคำกันแล้วครับ เงื่อนไขในการแยกคำคุณศัพท์หรือ Adjective นั้นจะมีความแตกต่างกับการใช้ comma เพื่อแยกคำนามกับกริยาครับ

เราจะใช้ comma โดยไม่มีการใช้ and คั่นกลาง ไม่ว่าเราจะใช้คุณศัพท์มากกว่า 3 คำหรือไม่ เพื่อขยายคำนาม ซึ่งการใช้ adjective แบบนี้ เรียกว่า coordinate adjective ครับ ซึ่งหมายถึง adjective ที่มีความสำคัญเท่ากันที่ทำหน้าที่ขยายคำนามเดียวกัน ตามตัวอย่างนี้ 

ตัวอย่าง

My girlfriend is a cheerful, kind, energetic girl. (ใช้ 3 คำ)

Jasper & Reader is an experienced, skillful IELTS test taker. (ใช้แค่ 2 คำ)

อย่างไรก็ ถ้าเราต้องการใช้ Adjective เพื่อขยาย Adjective อีกที เราห้ามใช้ comma ครับ ซึ่งจะไม่นับว่าเป็นการใช้ coordinate adjective

ตัวอย่าง

She is wearing a bright yellow suit to the office.

จะเห็นว่าคำว่า bright ที่แปลว่าสว่างมาขยาย yellow ที่ขยายเสื้ออีกทีครับ

4) ใช้ comma เป็น Interrupter เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมในประโยค หรือ เพื่อแสดงถึงอารมณ์และการเน้นย้ำ

การใช้ comma ในลักษณะนี้เป็นการใช้คอมม่าที่ช่วยการเขียน essay ของเราโดดเด่นขึ้นมา เพราะ comma ทำให้เราสอดแทรกความคิดเล็กๆ ระหว่างประโยคได้ ทำให้การเขียน essay ของเราดูมีมิติมากขึ้น และยังช่วยให้สไตล์การเขียนของเราโดดเด่นขึ้นครับ

ตัวอย่าง

Jasper & Reader, unlike other websites, emphasis on the best experience on self-studying English.

Thai food, unlike food from other countries, is the most delicious food in the world.

เห็นอะไรบ้างอย่างใช่ไหมครับ ผมแทรกประโยค unlike other websites และ unlike food from other countries ลงไปกลางประโยค 

ผมสอดแทรกความคิดเล็กๆ ลงไปเพื่อให้ประโยคมีมิติมากขึ้น โดยที่ประโยคนี้จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่การทำแบบนี้จะทำให้ essay ของเราดูดีขึ้นและช่วยแสดงความเป็นตนเองได้มากขึ้นครับ

นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ comma เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำนามได้ครับ โดยเราจะเรียกการทำแบบนี้ว่า Appositive ครับ ลองมาดูตัวอย่างกัน

ตัวอย่าง

Jasper & Reader, a website for self-studying English in Thailand, operates for more than two years now!

Barack Obama, the 44th president of the United States, is now 61 years old.

การใช้ however เป็น Interrupter ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีที่พบเห็นได้บ่อยๆ เมื่อต้องการสื่อถึงอารมณ์ของความขัดแย้งในไอเดียตามตัวอย่างนี้ครับ

ตัวอย่าง

Jasper & Reader  believe, however, that the resource for self-studying English should be accessible to everyone.

5) ใช้ comma เพื่อความชัดเจนของประโยค

กรณีนี้ผมคิดว่าเริ่มจากการดูตัวอย่างจะเห็นภาพที่สุดครับ

ตัวอย่าง

Let’s eat Grandma!
(มากินคุณยายกันเถอะ!)

Let’s eat, Grandma!
(มากินกันเถอะ คุณยาย!)

เห็นความแตกต่างอะไรไหมครับ อาจจะดูแปลกที่ผมโพล่งตัวอย่างขึ้นมาแบบนี้เลย แต่เราจะเห็นว่า comma นั้นช่วยให้ความหมายของประโยคไม่ผิดเพี้ยนไป

ในประโยคแรกนั้นเหมือนกับเราเป็นมนุษย์หมาป่าในนิทานสักเรื่องที่กำลังจะกินคุณยายของนางเอกหนูน้อยหมวกแดง แต่ประโยคที่สองเมื่อมีการใช้ comma เข้ามาช่วย ทำให้ประโยคมีความชัดเจนขึ้นและตรงกับความหมายที่แท้จริงที่เราจะสื่อครับ

นอกจากนี้ยังมีอีกกรณีที่เราควรคำนึงเกี่ยวกับการใช้ comma เพื่อความชัดเจนครับ จำหลักการข้อที่ 4 ได้ใช่ไหมครับ เกี่ยวกับการใช้ comma เพื่อแทรกไอเดียเล็กๆ เพิ่มเติม หรืออารมณ์ของผู้เขียนไปกลางประโยค

ถ้าเราใช้ comma แบบระมัดระวัง อาจทำให้การสื่อสารผิดเพี้ยนได้เหมือนตัวอย่างด้านล่างนี้ครับ

ตัวอย่าง

Writing, clearly, isn’t easy for beginners.
(มันชัดอยู่แล้วว่าการเขียนไม่ได้ง่ายกับมือใหม่)

Writing clearly isn’t easy for beginners.
(การเขียนให้ชัดเจนไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับมือใหม่)

ตัวอย่างนี้เห็นได้ชว่าการใช้ comma ทำให้สื่อสารได้ได้ชัดเจนขึ้น (และสื่อสารผิดเพี้ยนเมื่อใช้อย่างไม่ระมัดระวัง)

ดังนั้น comma จึงสามารถใช้เพื่อทำให้การอ่านจับใจความง่ายขึ้น ช่วยลดโอกาสที่คนอ่านจะได้รับสารที่ผิดเพี้ยนไป ซึ่งผมคิดว่าการใช้ comma แบบนี้ในงานเขียนเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ครับ เราถึงได้เห็นการใช้ comma แบบนี้ในงานเขียนค่อนข้างเยอะ

แต่นั่นเองทำให้เราค่อนข้างสับสนกับการใช้ comma ว่าสรุปแล้วมันใช้ยังไงกันแน่ ผมคิดว่าถ้าอ่านบทความนี้จบ เราก็จะไม่งงอีกต่อไปครับ ให้จำไว้ว่า comma ที่มีการใช้ที่ดูไม่ได้ตรงหลักไวยากรณ์นั้น จริงๆ แล้วอาจเป็นการใช้เพื่อความชัดเจนในการสื่อสารนั่นเอง

6) ใช้ comma ในประโยคคำถาม (Question tag)

การใช้ comma แบบนี้จะเป็นการใช้ comma ที่เห็นได้บ่อยในการเขียนในเชิงของ conversational หรือแนวการสื่อสารภาษาพูดครับ ซึ่งแปลว่าถ้างานเขียนที่เป็นทางการแบบ Academic Writing จะไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก

ตัวอย่าง

You didn’t not forget to self-study at Jasper & Reader, did you?

Your roommate is beautiful, isn’t she?

7) ใช้ comma เพื่อเรียกชื่อ ทักทาย และแยกวันเวลาสถานที่ 

หลักการใช้ comma แบบสุดท้ายแล้วครับ โดยเราสามารถใช้ comma เพื่อแยกระหว่างประโยคกับชื่อบุคคลได้ เมื่อเราต้องการสื่อสารถึงบุคคลนั้นโดยตรง รวมถึงใช้เพื่อทักทายได้ด้วยครับ

โครงสร้างประโยค

[ชื่อบุคคล] + comma + ประโยคหลัก

ประโยคหลัก + comma + [ชื่อบุคคล]

ตัวอย่าง

See you tomorrow, Jasper!

Jasper, where is your lecture book?

ส่วนในเรื่องของวันเวลาและสถานที่นั้น เราจะ comma ในลักษณะนี้ครับ

โครงสร้างประโยค

[ชื่อบุคคล] + comma + ประโยคหลัก

ประโยคหลัก + comma + [ชื่อบุคคล]

ตัวอย่าง

See you tomorrow, Jasper!

Jasper, where is your lecture book?

ส่วนในเรื่องของวันเวลาและสถานที่นั้น เราจะ comma ในลักษณะนี้ครับ

สรุปหลักการใช้ comma

จบกันไปแล้วสำหรับหลักการใช้ comma ครับ เครื่องหมายคอมม่านั้นเป็นเรื่องที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างช้านาน (ในแง่ที่ว่าเราต้องปวดหัวกับมันมาตลอด)

ผมทำ Jasper & Reader ขึ้นมาเพื่อเป็นบันทึกการเรียนภาษาอังกฤษของผมสำหรับการไปเรียนต่อต่างประเทศ และแชร์ความรู้ภาษาอังกฤษที่น่าจะมีประโยชน์ระหว่างที่ผมเตรียมสอบ IELTS และ GRE ครับ 

ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองมีความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ comma มากขึ้นครับ