หลักการใช้ either or neither nor ให้ถูกใจทั้งคนอ่านและไวยากรณ์

เลือกอ่านตามหัวข้อ

Either or neither nor สองคำศัพท์ที่นักเขียนมากฝีมือมักใช้ในงานเขียนเพื่อชูสไตล์การเขียนของตนเองให้ออกมาโดดเด่น สะกดใจคนอ่าน 

แต่คำถามสำคัญก็คือ เราเองก็สามารถใช้ either or neither nor ให้ถูกหลักไวยากรณ์และมัดใจคนอ่านได้ใช่ไหม?

วันนี้ Jasper & Reader จะมาเล่าให้ฟังว่า การใช้ either or neither nor ให้ถูกหลักไวยากรณ์นั้นต้องใช้อย่างไร แล้ว Either neither ใช้ต่างกันอย่างไร? พร้อมวิธีการใช้ either or neither nor ที่จะช่วยให้การเขียน essay เราโดดเด่นมากขึ้น ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยครับ

Either neither ใช้ต่างกันอย่างไร? แล้ว either or neither nor ต่างกันไหม?

neither กับ either เป็นคำที่เป็นขั้วตรงข้ามกันเหมือนหยินกับหยางเลยครับ neither แปลว่า “ไม่ทั้งคู่” ในขณะที่ either แปลว่า “ได้ทั้งคู่” ครับ 

ในส่วนของการใช้ either or neither nor นั้น neither nor แปลว่า “ไม่ใช่ทั้งอันนี้และอันนั้น” ในขณะที่ either or จะหมายถึง “ใช่ทั้งอันนี้และอันนั้น”

จะเห็นได้ว่าการใช้ either or neither nor นั้นเหมือนกันในแง่ของการเปรียบเทียบของสองสิ่ง หรือต้องการเสนอทางเลือกว่าระหว่างสองทางเลือกครับ แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ either or ใช้ในประโยคที่เป็นแง่บวก ในขณะที่ neither nor ใช้ในประโยคแง่ลบครับ

โครงสร้างประโยค การใช้ either or neither nor

Neither + [คำนามเอกพจน์ / พหูพจน์] + Nor + [คำนามเอกพจน์ / พหูพจน์]

Either + [คำนามเอกพจน์ / พหูพจน์] + or + [คำนามเอกพจน์ / พหูพจน์]

ตัวอย่างประโยค either or neither nor

Either studying class material or reading a book is great for preparing for the test.
(ทั้งการอ่านหนังสือและการเรียนจากสื่อการเรียนการสอนเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากกับการเตรียมตัวสอบ)

Neither math nor science is fun.
(ทั้งคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ไม่มีอันไหนสนุกเลย)

ดังนั้นการเข้าใจทุกหลักการใช้ either or neither nor จึงสำคัญเป็อย่างมากครับ

3 หลักการใช้ either or neither nor ให้ถูกหลักไวยากรณ์

หนึ่งในเหตุผลที่ผมเขียนบทความนี้ นอกจากจะต้องการเล่าเกี่ยวกับหลักการใช้ either or neither nor แล้ว ผมอยากจะให้ทุกคนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองเข้าใจว่า “ทำไม” แต่ละคำศัพท์ถึงต้องใช้แบบนี้ ซึ่งมันอาจจะยาวและซับซ้อน แต่ผมเชื่อว่าการมีพื้นฐานความเข้าใจตรงนี้จะช่วยให้เราเขียน essay ได้ดีขึ้นมากๆ ครับ เราไปดูหลักการใช้กันเลย!

1) การใช้ either or neither nor เป็น Correlative conjunction

Either or neither nor นั้นสามารถทำหน้าที่เป็นคำสันธานภาษาอังกฤษประเภทที่เราเรียกว่า Correlative conjunction ครับ ซึ่งเมื่อเราใช้ either or neither nor เป็น conjunction จะมีความหมายว่า “ไม่…ก็” เพื่อแสดงให้เห็นถึง “ทางเลือก” รวมถึงแสดงให้ถึงว่า เราเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสองสิ่งนี้อย่างไรครับ

โดยหลักการใช้ย่อยๆ ของ either or neither nor ในฐานะ conjunction มีเงื่อนไข 3 อย่างครับ

  • either or neither nor จะถูกใช้เทียบระหว่างสิ่งสองสิ่งที่มีความสำคัญเท่ากัน แต่มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นคำนาม (Nouns), คำคุณศัพท์ (Adjectives), คำวิเศษณ์ (Adverbs), บุพบทวลี (Prepositional Phrase) หรือ อนุประโยคอิสระ (Independent clauses) 
  • การใช้ either or neither nor มีลักษณะคำ วลี หรือประโยคที่คล้อยตามกันไป ซึ่งในภาษาอังกฤษเราเรียกลักษณะประโยคแบบนี้ว่า Parallels structure ครับ
  • คำ วลี หรือประโยคที่อยู่ในโครงสร้างของ either or neither nor จะต้องเป็นเอกพจน์ (Singular) ครับ 

เงื่อนไขเยอะแยะไปหมด เราลองมาดูตัวอย่างเลยดีกว่าครับ

ตัวอย่างที่ถูก: I would like either the chocolate or the caramel candy. (บอกความแตกต่างระหว่างลูกอมสองอันว่าต่างกันอย่างไรผ่านการใช้ adjectives ช็อคโกแลต และ คาราเมล)

ตัวอย่างที่ผิด: We can study English either on the deck or the house. (ไม่คล้อยตามกันตามหลักไวยากรณ์ เพราะ on the deck เป็น prepositional phrase แต่ the house เป็น noun)

จะเห็นว่าสิ่งที่เอามาใช้กับ either or neither nor เพื่อบอกถึงความแตกต่างนั้น มีโครงสร้างประโยคที่มีความคล้อยตามกัน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของคำนามกับคำนาม หรือประโยคกับประโยค รวมถึงมีการใช้คำที่เป็นเอกพจน์ทั้งสิ้นอีกด้วย ซึ่งผมสรุปโครงสร้างการใช้ออกมาตามด้านล่างนี้เลยครับ

โครงสร้างการใช้ either or neither nor

Either + [คำ / วลี / ประโยคเอกพจน์] + or + [คำ / วลี / ประโยคเอกพจน์]

Neither + [คำ / วลี / ประโยคเอกพจน์] + Nor + [คำ / วลี / ประโยคเอกพจน์]

จะเห็นว่าสิ่งที่เอามาใช้กับ either or neither nor เพื่อบอกถึงความแตกต่างนั้น มีโครงสร้างประโยคที่มีความคล้อยตามกัน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของคำนามกับคำนาม หรือประโยคกับประโยค รวมถึงมีการใช้คำที่เป็นเอกพจน์ทั้งสิ้นอีกด้วย ซึ่งผมสรุปโครงสร้างการใช้ออกมาตามด้านล่างนี้เลยครับ

2) การใช้ either neither แทน either or neither nor

ทั้ง either และ neither นั้นสามารถใช้เพียงตัวเดียวได้เลยโดยไม่ต้องพึ่ง nor และ or เลยครับ 

Either เป็นคำที่มีความหมายเชิงบวก มีความหมายว่า “ใช่ทั้งอันนี้และอันนั้น” ในขณะที่ neither มีความหมายว่า “ไม่ใช่ทั้งอันนี้และอันนั้น” ซึ่งจะไม่ใช่การใช้เพื่อแสดงถึง “ทางเลือก” เหมือนกับการใช้ either or neither nor ครับ 

2.1. การใช้ either neither ทำหน้าที่ Adverb

เราใช้ neither หรือ either เพียงตัวเดียว เป็น adverb ได้ครับ โดยเราใช้ neither หรือ either เพื่อแสดงถึงความคล้ายกันกับประโยคก่อนหน้านี้ (ส่วนมากจะแสดงถึงความคล้ายคลึงกันในด้านลบ) อ่านความหมายจะงงๆ หน่อยครับ ดูตัวอย่างจะง่ายกว่า

“You don’t like Somsri, do you? I don’t either

(คุณไม่ชอบสมศรีใช่ไหม ฉันก็เหมือนกัน!)

Somsak didn’t remember about the last part of the English test and neither did I.

(สมศักดิ์จำไม่ได้เกี่ยวกับส่วนสุดท้ายของข้อสอบภาษาอังกฤษสักนิด รวมถึงฉันเองด้วย)

Somsri can’t go to the party and I can’t either.

(สมศรีไปปาร์ตี้ไม่ได้ ฉันเองก็เหมือนกัน)

จะเห็นว่า ทั้ง neither และ either ใช้เพื่อเห็นด้วยกับประโยคเชิงลบก่อนหน้า ในกรณีสมศักดิ์ “Neither did I” ใช้เพื่อเห็นด้วยกับประโยคเชิงลบที่ว่า สมศักดิ์ไม่สามารถจำอะไรได้เลยเกี่ยวข้อสอบภาษาอังกฤษส่วนสุดท้าย ครับ ซึ่ง either ก็ถูกใช้เพื่อบอกว่า “ฉันเองก็ก็ไปปาร์ตี้ไม่ได้เหมือนกับสมศรีนะ” ครับ

แต่ถ้าสังเกตอีกนิด เราจะเห็นว่าการใช้ either กับ neither ในลักษณะนี้จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยครับ โดย neither จะมีการสลับกันระหว่างประธาน กริยา (และกริยาช่วย) แต่ either ไม่ต้องใช้ครับ

สิ่งนี้เรียกว่าการทำ Inversion ครับ Inversion คือ การสลับประธาน กริยา รวมถึงกริยาช่วย เพื่อให้เป็นไปตามหลักไวยากรณ์ โดยหนึ่งในเหตุผลที่เราต้องสลับคำกันแบบนี้ คือ เมื่อประโยคขึ้นต้นด้วยความหมายเชิงลบ เช่น การใช้ Neither อย่างในกรณีนี้ครับ ทำให้แทนที่จะเป็น and neither I did แต่เป็น neither did I ครับ

2.2. การใช้ either neither ทำหน้าที่เป็น determiner และ pronoun

การใช้ either หรือ neither เป็น determiner หรือ pronoun เป็นกรณีที่พบได้บ่อยๆ มากครับ เราลองมาดูตัวอย่างกัน

A: Which sweater do you like, the green one or the blue one?

(เสื้อกันหนาวที่คุณชอบ สีเขียวหรือสีฟ้า?

B: I don’t like either. (ฉันไม่ชอบทั้งสีเขียวและสีฟ้าเลย)

จะเห็นได้ว่ากรณีนี้เราใช้ either ในความหมายที่ว่า “ไม่ชอบทั้งสีเขียว และสีฟ้า” ซึ่งคล้ายๆ กับการที่เราใช้คำว่า both เลยครับ แต่ either ทำหน้าที่เป็น Pronoun อ้างอิงเสื้อกันหนาวสีเขียวและสีฟ้า นั่นเอง

ตัวอย่างประโยค neither

Neither answer to this English question is correct.

(ทั้งสองคำตอบของคำถามภาษาอังกฤษข้อนี้ ไม่มีข้อไหนถูกเลย).

ในตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่า เราใช้ neither เป็น determiners ของ answer เพื่อบอกว่า ไม่ว่าจะคำตอบแรกหรืออีกคำตอบนึงเป็นคำตอบที่ผิดทั้งคู่นั่นเอง

ถ้าเราลองสังเกตจะเห็นว่า answer ก็อยู่ในรูปแบบของเอกพจน์ด้วย รวมถึง either ในตัวอย่างที่แล้วก็ใช้ในรูปแบบเดียวกันด้วยครับ ซึ่งถ้าเราเผลอใช้คำกริยาที่เป็นพหูพจน์ละก็จะเข้าข่ายผิดไวยากรณ์ที่เรียกว่า “Subject-verb agreement” หรือ ประธานกับกริยาไม่สัมพันธ์กันนั่นเองครับ

3) neither of และ either of ใช้ยังไง?

โดยปกติแล้วเราจะใช้ either กับ neither กับคำ วลี (Phrase) หรือประโยค (Clause) ที่เป็นเอกพจน์ (Singular) เสมอ แต่เมื่อเราใช้ neither of และ either of คำ วลี หรือประโยคที่เราใช้ต้องเป็นพหูพจน์เท่านั้น

ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องระวังให้ดีครับ เนื่องจากการใช้ either neither จะใช้อ้างถึงคำ ประโยค หรือวลีเพียงแค่หนึ่งเดียวจากสองคำ ดังนั้น either ต้องตามด้วยคำนามเอกพจน์เสมอ แต่ถ้าเป็น either of neither of ต้องเป็นพหูพจน์ครับ

โครงสร้างการใช้ either of และ neither of

[Neither of] + [คำนามพหูพจน์]

[Either of] + [คำนามพหูพจน์]

ตัวอย่างประโยค either of และ neither of

Neither of these answers to this English question are correct  

Either of these roads can lead us to the school

ในตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่า เราใช้ neither เป็น determiners ของ answer เพื่อบอกว่า ไม่ว่าจะคำตอบแรกหรืออีกคำตอบนึงเป็นคำตอบที่ผิดทั้งคู่นั่นเอง

ถ้าเราลองสังเกตจะเห็นว่า answer ก็อยู่ในรูปแบบของเอกพจน์ด้วย รวมถึง either ในตัวอย่างที่แล้วก็ใช้ในรูปแบบเดียวกันด้วยครับ ซึ่งถ้าเราเผลอใช้คำกริยาที่เป็นพหูพจน์ละก็จะเข้าข่ายผิดไวยากรณ์ที่เรียกว่า “Subject-verb agreement” หรือ ประธานกับกริยาไม่สัมพันธ์กันนั่นเองครับ

3) neither of และ either of ใช้ยังไง?

โดยปกติแล้วเราจะใช้ either กับ neither กับคำ วลี (Phrase) หรือประโยค (Clause) ที่เป็นเอกพจน์ (Singular) เสมอ แต่เมื่อเราใช้ neither of และ either of คำ วลี หรือประโยคที่เราใช้ต้องเป็นพหูพจน์เท่านั้น

ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องระวังให้ดีครับ เนื่องจากการใช้ either neither จะใช้อ้างถึงคำ ประโยค หรือวลีเพียงแค่หนึ่งเดียวจากสองคำ ดังนั้น either ต้องตามด้วยคำนามเอกพจน์เสมอ แต่ถ้าเป็น either of neither of ต้องเป็นพหูพจน์ครับ

ใช้ Either or neither nor ให้ถูกหลักไวยากรณ์ ช่วยให้ essay ดีขึ้นได้ยังไง?

หนึ่งในหลายๆ เหตุผลที่ทำให้ essay ของเราโดดเด่นคือสไตล์การเขียนครับ ซึ่งการที่เราจะมีสไตล์การเขียนที่โดดเด่นได้มักเกิดจากการใช้คำอย่างเฉียบคม และการใช้ either or neither nor เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ช่วยให้ essay เราแตกต่างได้ครับ 

นอกจากนี้ การเขียน essay โดยการใช้คำที่มีเงื่อนไขที่ใช้ได้ยากอย่าง either or neither nor เป็นการส่งสัญญาณถึงกรรมการได้อย่างดีว่าเรามีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษที่ดีมากๆ ลองดูตัวอย่างกันเลย

I visited the two restaurants and both of them weren’t great.

จะเห็นประโยคนี้ก็ไม่ได้โดดเด่นมาก แต่ก็ไม่ได้แย่มากใช่ไหมครับ ทีนี้เราลองใช้ neither nor เพื่อให้ประโยคเรากระชับขึ้น โดดเด่นขึ้น แต่ยังคงความหมายที่ใกล้เคียงกันอจะเป็นยังไงไปดูกัน

Neither restaurant was great.

Neither restaurant A nor restaurant B was great

เห็นอะไรไหมครับ? ประโยคสั้นลงอย่างมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราใช้ neither เพียงตัวเดียว (สั้นลงเกือบครึ่งเลยทีเดียว) ซึ่งการใช้ neither แบบนี้จะมีผลมากๆ เลยครับ ถ้าเราอยู่ในห้องสอบที่มีโจทย์ essay ที่มีการจำกัดการใช้คำของเรา

สรุปการใช้ either or neither nor

จบกันไปแล้วกับการใช้ either or neither nor อย่างถูกหลักไวยากรณ์ การใช้ either or neither nor เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเขียน essay ได้ดีมากๆ ครับ เพราะเราสามารถเขียนสิ่งที่เราต้องการสื่อในรูปแบบที่กระชับมากขึ้น และเป็นการส่งสัญญาณให้กรรมการได้รู้ว่าเรามีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษที่มากกว่าแค่การเอาประโยคหลายๆ อันมาเขียนต่อกัน

ผมทำ Jasper & Reader ขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งความรู้ภาษาอังกฤษสำหรับคนที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ซึ่งบทความนี้ก็เป็นหนึ่งในผลลัพธ์นั้นครับ ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยทำให้ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้กับการเขียน essay ของตัวเองได้นะครับ