หลักการใช้ Present Simple Tense คืออะไร ใช้อย่างไร

เลือกอ่านตามหัวข้อ

ถ้าใครกำลังเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษอยู่ละก็ Present Simple Tense เป็นเรื่องแรกที่เราต้องรู้เลยครับ

Present Simple Tense เป็นหนึ่งใน 12 Tense ที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวทั่วไป ข้อเท็จจริง นิสัย กิจวัตรประจำวัน หรือแม้แต่พูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ต้องใช้ Present simple ทั้งสิ้น 

วันนี้ Jasper & Reader จะมาเล่าว่า

  • Present simple tense หรือ simple present tense คืออะไร 
  • Present simple ตัวอย่างประโยคแบบเจาะลงที่จะช่วยให้เราเข้าใจ Present simple tense มากขึ้น
  • หลักการใช้ Present simple tense และ ความแตกต่างของ Past simple tense กับ tense อื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน

ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลยครับ ! 

Present simple tense คือ

Present Simple Tense คือ 1 ใน 4 ของ Present Tense ที่อธิบายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นนิสัย กิจวัตร หรือเหตุการณ์ที่ถูกกำหนดให้เกิดขึ้นในอนาคต ผ่านโครงสร้างประโยค ประธาน + กริยาช่องที่ 1 

Present simple tense เป็นหนึ่งใน tense พื้นฐานที่สุดในไวยากรณ์ภาษาอังกฤษและมักใช้ในการสื่อสารในชีวิตประจำวันครับ

โครงสร้างประโยค Present simple tense

Subject + Verb.1 + [Object] + [คำบอกเวลา]

อธิบายเพิ่ม โครงสร้างนี้คือโครงสร้างประโยคบอกเล่า Present simple tense ครับ เริ่มด้วย ประธาน และตามด้วยกริยาช่องที่ 1 เท่านี้ก็เป็น Present simple tense แล้วครับ ส่วนกรรมของประโยค หรือ Object กับ คำบอกเวลา ผมใส่เป็นวงเล็บไว้ เพราะ สองอย่างนี้ มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ครับ

แต่นอกจากโครงสร้างประโยคบอกเล่า ยังมีโครงสร้างประโยคปฏิเสธ Present simple tense และ โครงสร้างประโยคคำถาม Present simple tense ด้วย 

Present simple tense โครงสร้างประโยคบอกเล่า

Subject + Verb.1 + [Object] + [คำบอกเวลา]

I self-study [English] [every Saturday.]

Present simple tense โครงสร้างประโยคปฏิเสธ

Subject + do/does + not + Verb + [Object] + [คำบอกเวลา]

I do not self-study [English] [every Saturday.]

Present simple tense โครงสร้างประโยคคำถาม

Do/Does + Subject + Verb + [Object] + [คำบอกเวลา] ?

Do you self-study [English] [every Saturday.]?

สรุปโครงสร้างประโยค Present simple tense

ผมสรุปโครงสร้าง present tense ทั้งสามประเภท บอกเล่า คำถาม ปฏิเสธ ไว้เป็นตารางเปรียบเทียบกันให้เข้าใจง่ายๆ แบบนี้ครับ

โครงสร้างประโยคบอกเล่า โครงสร้างประโยคปฏิเสธ โครงสร้างประโยคคำถาม
โครงสร้างประโยค Subject + V.1 + [Object] + [คำกำกับเวลา] Subject + do/does + not + Verb + [Object] + [คำบอกเวลา] Do/Does + Subject + Verb + [Object] + [คำบอกเวลา] ?
ตัวอย่าง I self-study English She had not been waiting for too long. Had you been working all day?

หลักการของ Present Simple Tense มีอะไรบ้าง

หลักการใช้ Present simple tense จริงๆ ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ แต่จุดที่มีปัญหาบ่อยๆ กับการใช้ Present simple คือการใช้คำอย่าง do กับ does และเรื่องการเติม s กับ es ครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายคนที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองแรกๆ จะงงมากว่า เอ๊ะ มันคืออะไร ซึ่งหลักการทั้งหมดนี้อธิบายได้ด้วยการเข้าใจหลักการใช้ Present simple tense ใช้พูดถึงอะไร และ Present simple tense ใช้ตอนไหน 

ทำไม Present Simple ต้องเติม s ES

เพราะไวยากรณ์ภาษาอังกฤษกำหนดไว้ว่า สรรพนามบุรุษที่ 3 he/she/it รวมถึงคำนามเอกพจน์อื่นๆ ต้องเติม s หรือ es ด้านหลังของคำกริยาครับ 

การเติม s หรือ es ขึ้นอยู่กับคำกริยาด้วยครับ คำกริยาที่ลงท้ายด้วย ‘s’, ‘x’, ‘z’, ‘ch’ หรือ ‘sh’ เราจะเติม ‘es’ แทน ‘s’ เช่น

I self-study English.

She self-studies English.

ซึ่งการเติม s กับ es ยังรวมไปถึงการใช้ do กับ does ด้วยครับ 

หลายคนอาจสงสัยว่า Do กับ does ใช้กับอะไรใน Present simple? Do กับ does เป็นกริยาช่องที่ 1 โดยเราจะใช้ does กับประธานสรรพนามบุรุษที่ 3 อย่าง he/she/it และคำนามเอกพจน์อื่นๆ ในขณะที่เราใช้ do จะใช้กับประธาน You, We และ They ครับ

Present Simple ใช้ IS AM ARE ได้ไหม

ใข้ได้ครับ เราสามารถใช้ is am are ใน Present simple ได้ เช่น I am a student ฉันเป็นนักเรียน You are a student คุณเป็นนักเรียน หรือ Somsak is a student สมศักดิ์เป็นนักเรียน 

อธิบายเพิ่มเติม การใช้ is am are ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Verb to be ครับ ซึ่งหนึ่งในประเภทของ Linking verb ครับ

กติแล้วคำกริยาภาษาอังกฤษมักจะใช้เพื่อบอกว่าประธานกำลังทำกริยาอะไรใช่ไหมครับ เช่น I run หรือ I eat dinner

แต่ Linking verb อย่าง IS AM ARE ใช้เพื่อบอกว่าประธานมีสภาพ หรือ ความรู้สึกอย่างไร เช่น Max is excited แม็ครู้สึกตื่นเต้นมาก เป็นต้น

Present Simple Tense ใช้พูดถึงอะไร ใช้ตอนไหนถึงจะถูกหลักไวยากรณ์?

  • เหตุการณ์ที่ทำจนเป็นนิสัย เป็นกิจวัตรประจำวัน
  • พูดถึงสิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบัน รวมถึงข้อเท็จจริงที่ยากที่จะเปลี่ยน
  • ให้คำแนะนำ ข้อมูล และการอธิบายขั้นตอน
  • เล่าถึงแผนการหรือตารางเวลาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

Present Simple Tense มักมีคำกำกับเวลา เช่น Always, Usually, Often, Sometimes, Rarely, Seldom, Never, Every day/week/month/year, On Mondays/Tuesdays/etc., In the morning/afternoon/evening

1. เหตุการณ์ที่ทำจนเป็นนิสัย เป็นกิจวัตรประจำวัน

I brush my teeth every morning

She self-studies English every night

2. พูดถึงสิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบัน รวมถึงข้อเท็จจริงที่ยากที่จะเปลี่ยน

Present Simple Tense มักใช้ในการเขียนที่เป็นทางการ เช่น เอกสารวิชาการหรือบทความข่าว เพื่ออธิบายข้อเท็จจริง ผลการวิจัย หรือความจริงทั่วไปข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น 

The sun rises in the east
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก (ความจริงที่ยากจะเปลี่ยน เกิดขึ้นตามธรรมชาติ)

The result of this study demonstrates that the hypothesis is valid.
ผลลัพธจากงานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าสมมติฐานเป็นจริง

3. ให้คำแนะนำ ข้อมูล และการอธิบายขั้นตอน

First, you take the ingredients and mix them in a bowl.

Next, you place the dish in the oven and set the timer for 30 minutes.

Finally, you remove the item from the heat source and let it cool before serving.

4. เล่าถึงแผนการหรือตารางเวลาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

หัวข้อนี้ค่อนข้างทับซ้อนกับ Future tense พอสมคสวรและเป็นเรื่องที่หลายๆ คนค่อนข้างสับสน ผมใช้เวลาพอสมควรเหมือนกันกว่าจะเข้าใจ เพราะถึงแม้ว่ามันจะเป็นตารางเวลาหรือแผนการ แต่เจ้าสิ่งนี้มันจะเกิดขึ้นในอนาคตไม่ใช่หรอ ทำไมไม่ใช่ Future tense ละ?

สรุปแบบเข้าใจง่ายๆ ก็คือ เราจะใช้ Present simple tense เวลาที่คนพูดมั่นใจมากๆ ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในอนาคตแน่ๆ แต่ถ้าไม่มั่นใจมากนักเราจะใช้ Future tense ครับ

ในภาษาอังกฤษเราจะเรียกความมั่นใจเหล่านี้ว่า “Degrees of certainty” แปลเป็นไทยก็คือระดับความมั่นใจ ซึ่งมักจะใช้บ่อยๆ กับ Future tense เพราะเราไม่สามารถรู้อนาคตได้นั่นเองครับ

Present simple tense จะพูดในสิ่งที่มั่นใจมากๆ ว่าจะเกิดขึ้นนั่นเอง ถ้าเทียบเป็น % ละก็ต้องเรียกว่าเกือบ 100% ในขณะที่ Future tense % จะต่ำกว่าครับ ตัวอย่างการใช้ Present simple tense พูดเรื่องอนาคต

The conference begins next week.
งานสัมมานาจะเริ่มอาทิตย์หน้า

We start the party at 8PM.
เราจะเริ่มงานสังสรรค์ตอนสองทุ่ม

จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องในอนาคตก็จริง แต่ก็ถูกกำหนดไว้พอสมควรว่าจะเกิดขึ้นแน่ๆ ครับ

ข้อควรระวัง! เราไม่ใช้ Present simple อธิบายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น แต่จะใช้ Present continuous ในการอธิบายแทน

Present simple tense ตัวอย่างประโยค

เราลองมาดูตัวอย่างประโยค Present simple tense ในหลายๆ รูปแบบกันครับ ทั้งบอกเล่า ปฏิเสธ และคำถาม

ประธาน ประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ ประโยคคำถาม
I I self-study English. I do not self-study English.
You You self-study English. You do not self-study English. Do you self-study English?
He/She He/She self-study English. He/She does not self-study English. Does he/she self-study English?
We We self-study English. We do not self-study English Do we self-study English?
They They self-study English. They do not self-study English. Do they been self-study English?

ตัวอย่าง present simple tense ประโยคบอกเล่า

I learn English every day.
ฉันเรียนภาษาอังกฤษทุกวัน

She studies English at the language school.
เธอเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ

We practice English with our classmates in the morning
พวกเราฝึกภาษาอังกฤษกับคนในชั้นเรียนในตอนเช้า

ตัวอย่าง present simple tense ประโยคปฏิเสธ

I do not learn English very often.
ฉันไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษบ่อยนัก

She does not study English on weekends.
เธอไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษในวันหยุดสุดสัปดาห์

We do not practice English with native speakers.
เราไม่ได้ฝึกภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษา

ตัวอย่าง present simple tense ประโยคปฏิเสธ

Do you learn English at school?
คุณเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนหรือไม่

Does she study English online?
เธอเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์หรือเปล่า

Present simple tense สรุป

Present simple tense เป็น tense พื้นฐานที่สุดและใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ เราใช้ Present simple ผ่านโครงสร้าง Subject + V.1 ใช้กับเหตุการณ์ที่

  • ทำจนเป็นนิสัย 
  • พูดถึงสิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบัน รวมถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
  • ให้คำแนะนำ ข้อมูล และการอธิบายขั้นตอน
  • สิ่งที่เป็นแผนการหรือตารางเวลา
  • พูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ และถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้น

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองครับ

อ่านต่อเลย ถ้าอยากเข้าใจเรื่อง Present Tense