ดูดีๆ ประโยคนี้เหมือนไม่มีอะไร แต่จริงๆ แล้วผิดหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ และถูกนับว่าเป็น Run-on sentence ครับ เพราะเรามีสองประโยคหลักรวมกัน นั่นก็คือ Learning is a valuable skill กับ it opens up many opportunities in business ซึ่งตามหลักไวยากรณ์ไม่สามารถทำได้ครับ
Run-on sentence เป็นอะไรที่หลอกหลอนตัวผมเองมานานมากๆ ครับ และผมเชื่อว่าหลายๆ คนเองก็มีปัญหาเหมือนกัน เนื่องด้วยธรรมชาติของภาษาไทยที่มีลักษณะการเขียนแบบเรื่อยๆ และไม่ต้องมีสิ่งที่เรียกว่า เครื่องหมายวรรคตอน หรือ Punctuation แบบภาษาอังกฤษ ทำให้ Run-on sentence เป็นอะไรที่คนไทยโดนกับบ่อยมากๆ
สิ่งที่เราควรทำคือการใส่ Period หรือที่เราเรียกกันว่าจุด Full stop เพื่อเป็นการบอกว่าจบประโยคแล้วนะ แต่สิ่งที่คนไทยเราชอบทำคือ การใส่ comma ครับ (ผมเองก็ไม่รู้จนกระทั่งเข้าใจพื้นฐานครับ) ซึ่งทำให้ผิดหลักไวยากรณ์ที่เราเรียกว่า Comma splice ครับ
Comma splice คืออะไร?
Comma splice คือ การเชื่อมประโยคหลักสองประโยคเข้าด้วยกันด้วยการใช้ comma เพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นข้อผิดทางไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เช่น Learning English requires dedication and practice, it’s a process that takes time.
Comma splice นั้นคล้ายคลึงกับ Run-on sentence มากๆ ครับ สิ่งที่แตกต่างมีเพียงแค่ Run-on sentence ไม่มีการใช้เครื่องหมายวรรคตอนอย่างถูกต้อง ในขณะที่ Comma splice เกิดขึ้นเพราะใช้ comma ในการเชื่อมประโยคหลักสองประโยคเข้าด้วยกันโดยไม่ใช้คำสันธานภาษาอังกฤษครับ
พื้นฐานสำคัญช่วยแก้ Fragment sentence, Run-on sentence, และ Comma splice
อย่างที่ผมได้เล่าไปในช่วงแรก คนไทยเรามีการสอนภาษาอังกฤษแบบ “ไทยๆ” ซึ่งสำหรับผมคือ การสอบแบบแยกๆ ไม่ได้มีการเชื่อมโยงแต่ละเรื่องเข้าด้วยกัน
อย่างเช่นเรื่อง Tense ที่เราใช้เวลาเป็นเทอมๆ เรียนแยกกัน เช่น Present tense เรียนเทอม 1 Past tense เรียนเทอม 2 ซึ่งทำให้เราจำอะไรแบบแยกๆ มาโดยตลอด และด้วยวัฒนธรรมของประเทศเราหลายๆ อย่างทำให้คนไทยไม่ค่อยกล้าใช้ภาษาอังกฤษมากนัก ไม่ว่าจะพูดหรือเขียน
ดังนั้นเราหลายๆ คน และตัวผมเองถึงได้มีปัญหากับการเขียนภาษาอังกฤษมากๆ และทำให้ไม่รู้ว่ามีสิ่งที่เรียกว่า Fragment sentence, run-on sentence หรือ comma splice มาก่อน
ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนควรจะมีพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้เราไม่ผิดพลาดเรื่องนี้ไม่ว่าจะเขียนเพื่อสอบ หรือ เพื่ออะไรก็ตาม เราสามารถเขียนภาษาอังกฤษได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ได้ครับ ผมรวบรวมไว้ 4 เรื่องที่จะช่วยให้เราเขียนได้ดีขึ้นมากๆ ไปดูกันเลยครับ
1. Independent clause กับ dependent clause
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆ ของการเขียน Writing เลยครับ การเข้าใจเรื่อง Independent clause กับ dependent clause ช่วยให้เราไม่พลาดเรื่อง Sentence fragment Run-on sentence และ Comma splice แต่เรื่องนี้กลับเป็นปัญหามากที่สุดสำหรับคนไทยเรื่องนึงเลยครับ
เวลาที่ผมพูดว่า “ประโยคหลัก” ผมมักจะหมายถึง Independent clause ครับ ซึ่ง Independent clause คือ ประโยคที่สามารถสื่อสารใจความได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งมักจะประกอบด้วยประธานและกริยา โดยคำว่า Independent แปลเป็นไทยจะแปลว่า “อิสระ” ดังนั้น ประโยคนี้สามารถสื่อสารได้ไม่ต้องพึ่งพาประโยคอื่น เช่น I sleep ครับ
ดูแล้วก็ไม่ได้ยากอะไรใช่ไหมครับ แต่ตอนนี้เรามาถึงจุดยากกันแล้วครับ นั่นก็คือ dependent clause นั่นเอง
Dependent clause คือ สิ่งที่ผมมักจะพูดในบทความบ่อยๆ ว่า มันคือ “ประโยคย่อย” ครับ นั่นเป็นเพราะว่า dependent clause เป็นประโยคที่มีทั้งประธาน และกริยา แต่ไม่สามารถสื่อใจความได้ด้วยตนเอง
คำว่า dependent แปลว่า “ขึ้นอยู่กับ” หรือ “พึ่งพา” ดังนั้น dependent clause จึงเป็นประโยคที่ไม่สามารถอยู่เดี่ยวๆ ได้ด้วยตนเอง แต่ต้องพึ่งพาประโยคหลักอย่าง Independent clause เพื่อให้สามารถสื่อสารใจได้อย่างสมบูรณ์ครับ