Modal Verb คืออะไร? หลักการใช้ Modal Verb เข้าใจง่าย

เลือกอ่านตามหัวข้อ

Modal Verb คืออะไร

Modal Verb คือ หนึ่งในประเภทของกริยาช่วย Auxiliary Verb ที่เราจะใช้เมื่อเราบอกให้คำแนะนำ ขอร้อง ขออนุญาต บอกความสามารถ บอกความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ต่างๆ รวมถึงการบอกความจำเป็นในการทำสิ่งต่างๆ และการสั่งให้ใครทำอะไรสักอย่างให้เราครับ

งงใช่ไหมครับ แต่ถ้าเราลองเทียบกับภาษาไทยอาจจะเข้าใจง่ายขึ้นครับ

ตัวอย่างคือ Modal Verb อย่าง can ที่แปลว่าสามารถครับ ถ้าอยู่ๆ เราพูดคำว่า I can (ฉันสามารถ) เฉยๆ โดยไม่มีคำกริยาอีกตัวนึง เราก็จะงงใช่ไหมครับ

แต่ถ้าเป็น I can help ฉันสามารถช่วยได้ อย่างน้อยก็เข้าใจมากขึ้น

ถามว่า ก็เคยเห็นคนใช้ I can แบบเดี่ยวๆ อย่างนี้อยู่นี่หน่า ทำไมบางครั้งมันใช้ได้ คำตอบคือเราสามารถใช้ถ้ารู้ว่าเราอ้างอิงถึงกริยาตัวไหนครับ เช่น

A: Can you help me?

B: Yes, I can

คำว่า I can ในที่นี้อิงกับคำว่า help นั่นเองครับ ถามเรามาว่าสามารถช่วยฉันได้ไหม เราก็ตอบว่า ใช่ เราสามารถ(ช่วยได้) นั่นเอง

Modal Verb มีอะไรบ้าง ?

Modal Verb มีทั้งหมด 9 คำ ได้แก่ can, could, may, might, shall, should. would, will และ must

สิ่งที่สำคัญอย่างมากเกี่ยวกับ Modal Verb คือ Modal Verb จะไม่รูปเดียว ไม่มี v.ing ไม่มีการเติม ed ไม่มีการเติม s เพื่อผันตาม Voice และ Tense ครับ

และจุดนี้ทำให้การใช้ can กับ could เป็นเรื่องที่หลายคนสับสน เพราะคิดว่า Could เป็น V.2 ของ can ซึ่งจริงๆ แล้วถูกเพียงครึ่งเดียวครับ เราใช้ can ใน present tense และใช้ could ใน Past tense เท่านั้นเองครับ

โครงสร้างการใช้ Modal Verb

โครงสร้าง Modal Verb คือ Subject + Modal Verb +V.1 (Verb Infinitive) แต่ถ้าเป็นประโยคคำถามจะเป็น Modal Verb + Subject + V.1 (Verb Infinitive) ครับ

ส่วนใน Modal Verb Passive Voice นั้นจะไม่มีครับ เพราะ Modal Verb มีคุณสมบัติที่พิเศษอย่างที่เล่าไปคือ ไม่ผันตาม Mood และ Tense นั่นเอง

Modal Verb กับ Helping Verb ต่างกันอย่างไร

Modal Verb ไม่เปลี่ยนรูปตาม Voice และ Tense ในขณะที่ Helping Verb ตัวอื่นๆ เช่น is am are สามารถเปลี่ยนรูปเป็น was were ได้

ที่เราต้องเข้าใจก็คือ Modal Verb เป็นหนึ่งในประเภทของ Helping Verb ครับ นั่นแปลว่า หลักการใช้งานของ Helping Verb กับ Modal Verb จะมีความคล้ายกันนั่นเอง 

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก็คือ Helping Verb กับ Auxiliary Verb แม้ชื่อจะต่างกัน แต่จริงๆ เรามีคือสิ่งเดียวกันครับ

หลักการใช้ Modal Verb พร้อมตัวอย่าง Modal Verb 

หลักการใช้ Modal Verb มักใช้ในสถานการณ์ เช่น การให้คำแนะนำ การขอร้อง การขออนุญาต การบอกความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ต่างๆ ไปจนถึงการออกคำสั่ง ซึ่งในแต่ละสถานการณ์ก็มีโครงสร้างและวิธีใช้ Modal Verb  ที่แตกต่างกันไป 

1. บอกความจำเป็น

เราใช้ must, have หรือ need ในการบอกว่าสิ่งที่พูดเป็นความจำเป็นบางอย่างที่เราต้องทำ ซึ่งคำอย่าง must จะบอกถึงความจำเป็นสูงที่สุด ในขณะที่ need กับ have to จะเป็นระดับความจำเป็นในการทำตามที่ต่ำกว่า ซึ่งถ้าเราไม่ได้สั่งใคร ผมคิดว่าใช้ need กับ have to จะค่อนข้างเหมาะสมกว่า เช่น

We have to wait for our teacher to arrive before we open this box.
พวกเราควรรอคุณครูเรามาก่อนที่เราจะเปิดกล่องใบนี้

You don’t need to come if you don’t want to.
ถ้าคุณไม่อยากมา คุณไม่จำเป็นต้องมาก็ได้นะ

การใช้ Modal Verb ในลักษณะนี้เราะจะเรียกว่า Modal Verb of necessity และ Modal Verb of obligation ครับ

2. คำแนะนำ

เวลาเราให้คำแนะนำใคร เรามักจะใช้คำว่า should ซึ่งแปลเป็นไทย แปลว่า “ควร” ครับ

เวลาแปลไทย หลายคนจะงงกับ should เพราะ พอแปลไทย จะเหมือน need กับ have to แต่ในบริบทของภาษาอังกฤษจะแตกต่างกันครับ เราใช้ should ในเชิงคำแนะนำ ในขณะที่ need กับ have to จะออกแนวคำสั่งมากกว่าครับ เช่น

You should try Jasper & Reader’s English course.
คุณควรลองคอร์สเรียนภาษาอังกฤษของ Jasper & Reader ดูนะ

คำว่า Should เป็นหนึ่งใน Modal Verb ที่เราเรียกว่า Modal Verb of Advice ครับ

3. ขออนุญาต

ขออนุญาตเข้าห้องน้ำหน่อยครับ! นี่เลยครับ การขออนุญาต ซึ่งจะแตกต่างจากการขอร้องประมาณนึง เพราะอีกฝ่ายอาจจะมีอำนาจมากกว่าเราครับ ในกรณีนี้เราจะใช้ Modal Verb “may” กับ “could” ซึ่งมีความสุภาพและเป็นทางการครับ

May I go to the toilet please?
ได้โปรด ฉันขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำได้ไหม?

การใช้ Modal Verb ในลักษณะการขออนุญาต เราจะเรียก Modal Verb กลุ่มนี้ว่า Modal Verb of Permission ครับ

4. บอกความน่าจะเป็นว่าเหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้น หรือ สิ่งนี้จะเป็นจริงหรือไม่

เวลาเราคาดเดาสิ่งต่างๆ เรามักจะมีระดับความมั่นใจใช่ไหมครับ? ประมาณว่า เห้ย! ข้อนี้ถูกชัวร์ มั่นใจสุด กับ ข้อนี้น่าจะถูกนะ เป็นต้น ซึ่งในภาษาอังกฤษก็มีแบบนี้เหมือนกัน เราจะเรียกมันว่า Modal Verb of deduction กับ Modal Verb of possibility ครับ

Modal Verb of deduction คือ กริยาช่วยที่ใช้เพื่อเล่าสถานการณ์ที่เราเดาว่าน่าจะเป็นจริงจากข้อมุลที่มีอยู่ ในขณะที่ Modal verb of possibility คือ กริยาช่วยที่ใช้เพื่อเล่าการคาดการณ์สถานการณ์ต่างๆ ที่เป็นไปได้

ตัวอย่างการใช้ Modal verb of deduction:

  • You must be tired after self-studying Grammar for 8 hours.

 

ตัวอย่างการใช้ Modal verb of possibility:

  • Jasper might not come to the party tomorrow.

 

จากตัวอย่าง ถามว่า Modal Verb 2 ประเภทนี้เหมือนกันไหม ผมว่าแทบจะเหมือนกันเลยครับ แต่ชื่อต่างกัน

และที่สำคัญเราจะเห็นว่าทั้งสองตัวอย่างเดาเหมือนกัน แต่ความมั่นใจดูต่างกันเลยใช่ไหมครับ?

ไม่ว่าจะภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ต่างก็มีคำที่เราใช้สามารถบอกระดับความมั่นใจของเราได้ เพียงแต่ในกรณีนี้เราแค่ใช้ Modal Verb เท่านั้นเอง ผมสรุปไว้แบบนี้

  • Should be และ must ใช้เมื่อเราค่อนข้างมั่นใจว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริง แม้จะยังไม่มีหลักฐานอะไรมาสนับสนุกมาก 
  • Could, may, might บอกความน่าจะเป็นที่เหตุการณ์อาจจะเกิดขึ้น ไม่มั่นใจเท่า must และ should be 

5. บอกความสามารถ

Modal Verb of Ability คือ กริยาช่วย Can, Could, May, Might ที่สามารถนำมาใช้ในการบอกความสามารถของผู้พูดได้ เช่น

I can learn English !
ฉันสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้

6. ขอร้อง

เวลาเราขอร้องใคร เรามักจะขึ้นต้นด้วยประโยคคำถามใช่ไหมครับ? ภาษาอังกฤษก็เหมือนกันครับ เราใช้ Modal Verb เป็นคำขึ้นต้นในประโยคคำถามตอนที่เราอยากขอร้องให้ใครช่วยเรา การใข้ Modal Verb ในลักษณะจะแสดงให้เห็นถึงความสุภาพของเราครับ

  • Could you please help me practice my English pronunciation?
  • Would you mind correcting my grammar mistakes in this paragraph?
  • Can you give me some tips on improving my English writing skills?
  • May I ask you to recommend a good English language course?
  • Will you turn that music down?

เวลาเราขอร้องใคร Could กับ Would จะค่อนข้างสุภาพกว่า และมีความเป็นทางการมากกว่า แต่ถ้าเราใช้ Can กับ will จะค่อนข้างเป็นกันเองมากกว่า (ไม่แนะนำเวลาใช้กับการทำงาน โดยเฉพาะกับการเขียนอีเมล์นะครับ โนโนโน!)

7. คำสั่ง

ถ้าเราอยากจะสั่งใครให้ทำอะไร เราใช้ Modal Verbs must, have หรือ need ครับ

You must be here before 8.00.

You need to be here before 8:00.

ถึงแม้เราจะไม่ค่อยรู้หลักการใช้ Modal Verb แต่ถ้าเราลองอ่านประโยคและฟังเสียงดู เราน่าจะพอเดาออกว่า must จะมีความดุดันมากกว่า need to ประมาณนึง เหมือนเป็นการบอกกลายๆ ถึงความหนักแน่นของคำสั่งที่ต้องทำตามที่พูดนะอะไรแบบนั้นครับ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Auxiliary verb กับ Modal Verb ต่างกันอย่างไร

Modal Verb เป็นหนึ่งในประเภทของ Auxiliary Verb (กริยาช่วย) ครับ นั่นแปลว่า หลักการใช้งานของ Auxiliary Verb จะคล้ายกับ Modal Verb แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ Modal Verb ไม่เปลี่ยนรูปตาม Tense และ Voice ในขณะที่  Auxiliary ตัวอื่นๆ เช่น Verb to be is am are สามารถเปลี่ยนรูปได้