แนะนำ หนังสือภาษาอังกฤษ น่าอ่าน 2023 ละเอียดยิบ ครบทุกหมวดหมู่

อยากเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ต้องอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเล่มไหน บทความนี้มีคำตอบ

6

หนังสือภาษาอังกฤษ แนะนำ

การอ่านหนังสือเป็นตัวเลือกที่เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษ ไม่มีพื้นฐานเลย และไม่มีงบมากมาย หนังสือผมที่เลือกมาในโพสต์นี้ เป็นหนังสือที่ผมใช้เองจริงๆ มีอยู่เป็นเล่มที่บ้าน (บางเล่มมีเป็น E-book ใน Kindle) ซึ่งหนังสือทั้งหมดนี้นอกจากช่วยให้ภาษาอังกฤษผมดีขึ้นแล้ว ยังให้ความรู้กับผมในทางอ้อมอีกด้วยครับ

Grammar
Grammar Go by Krudew
Conversation
เซ็ท Cover พูดมันส์ 1,000 ประโยค
หนังสือภาษาอังกฤษ จิตวิทยา mindset
Self-improved
Mindset
หนังสือภาษาอังกฤษ พัฒนาตัวเอง Atomic Habits
Self-Improved
Atomic
Habits
หนังสือภาษาอังกฤษ พัฒนาตัวเอง So good they cant ignore you
Career
So Good They Can't Ignore You

หนังสือภาษาอังกฤษ Grammar

1. หนังสือพร้อมคอร์ส GRAMMAR GO! สรุปครบ จบทุกสถานการณ์

Jasper & Reader's Review
หนังสือ Grammar Go ของครูดิวถูกออกแบบให้การเรียนภาษาอังกฤษสนุก ประยุกต์ใช้ได้หลายสถานการณ์ เป็นหนังสือ Grammar ที่คุ้มค่าที่สุดในตลาดตอนนี้เลยครับ
ทำไมต้องหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ ?

หนังสือ Grammar Go ครูดิวเป็นหนังสือภาษาอังกฤษพื้นฐานมากๆ ออกแบบให้คนที่ใหม่สุดๆ กับไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ครูดิวรู้ดีว่าภาษาอังกฤษที่เราเจอกันในการศึกษาไทยน่าเบื่อแค่ไหน ครูดิวเลยออกแบบให้หนังสือเล่มนี้มีธีมที่สนุกสุดๆ ในราคาเอิ้อมถึงได้

หนังสือ Grammar Go ครูดิวมีอะไรบ้าง
หนังสือ Grammar Go ครูดิว อธิบายเรื่อง Tense เข้าใจง่ายมากๆ
สิ่งที่จะได้จากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้

2. Oxford Modern English Grammar

Jasper & Reader's Review
Oxford Modern English Grammar เป็นหนึ่งในหนังสือที่ดีที่สุดสำหรับผมเลย เพราะหลากหลายคำถามคาใจเกี่ยวกับไวยากรณ์ถูกทำให้กระจ่างด้วยหนังสือเล่มนี้เลยครับ ถ้าใครสงสัยว่าหัวข้อไวยากรณ์แต่ละเรื่องมีความเชื่อมโยงกันยังไง Grammar มีเรื่องอะไรบ้าง หนังสือเล่มนี้จะตอบโจทย์มากๆ เลยครับ
ทำไมต้องหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ ?

หนังสือ Grammar มีอยู่ 2 ประเภท หนึ่งคือประเภทที่บอกกฏให้เราจำ แล้วให้เราไปฝึกต่อในเล่ม ส่วนอีกประเภทจะบอกที่มาที่ไปของไวยากรณ์แต่ละข้อ ไม่ได้มีแบบฝึกหัดมากนัก ซึ่งเจ้า Oxford Modern English Grammar จะใกล้เคียงกับหนังสือประเภทที่สองครับ

Oxford Modern English Grammar อธิบายที่มาที่ไปแบบไม่ได้ลงลึกมาก แต่ก็ทำให้เราเข้าใจความเชื่อมโยงของแต่ละหัวข้อได้เป็นอย่างดี

ช่วงแรกที่อ่านหนังสือเล่มนี้จะค่อนข้างปวดหัวกับศัพท์เฉพาะทางสักเล็กน้อยนะครับ แต่พอเข้าใจมันแล้ว มันจะคลิกมากๆ เลยครับ

เมื่อก่อนผมเป็นคนที่เรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษแบบจำ ๆ ไปสอบ ซึ่งไม่เวิร์คเลยครับ แต่พอเจอหนังสือเล่มนี้ ทำให้ผมรู้ว่า ความเข้าใจเรื่อง Grammar สำคัญขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นกับการเขียน การพูด การสอบ

ทุกวันนี้เวลาผมติดปัญหาเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ ผมมักจะกลับมาอ่านเล่มนี้เสมอ โดยเฉพาะช่วงที่เตรียมตัวสอบ IELTS กับ GRE เพื่อเรียนต่อต่างประเทศครับ

หนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ผมแนะนำสำหรับคนที่เรียน Grammar มานาน แต่ไม่เคยเข้าใจ หรือ มีความเอ๊ะ และเต็มไปด้วยคำถามว่า ทำไมต้องจำแบบนี้ ทำไมกฏนี้ถึงเป็นแบบนั้น ผมแนะนำเล่มนี้สุดตัวเลยครับ

สิ่งที่เดียวที่ทำให้แนะนำหนังสือเล่มนี้ได้ยากคือเรื่องราคาครับ ถ้า Kinokuniya จะอยู่ที่ 900 กว่าบาท (ซึ่งสินค้าไม่ค่อยมี) แต่ถ้าซื้อใน Lazada ก็หลายพันเลยทีเดียว เพราะมาจากเมืองนอกครับ

แต่ถ้าใครไม่มีปัญหาเรื่องราคา และอยากได้หนังสือที่ช่วยตอบคำถามคาใจเรื่อง Grammar ละก็ Oxford Modern English Grammar คือ หนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผมเลยครับ

สิ่งที่จะได้จากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้

3. Understanding and Using English Grammar 5th Edition

Jasper & Reader's Review
เป็นหนังสือที่หลายคนไม่รู้จัก แต่คุณภาพคู่ควรที่ต้องแมสมากๆ หนังสือ Grammar เล่มนี้เด่นเรื่อง Tense และการเขียนแบบมากๆ ครับ ใครอยากฝึก Grammar สำหรับการเขียน แนะนำมากครับ
ทำไมต้องหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ ?

ถ้าเราอ่านหนังสือ Grammar หลายๆ เล่มมาก่อน จะเจอเรื่อง Tense ที่สอนทีละตัว ซึ่งผมมองว่าการสอนในลักษณะนั้นจะไม่ค่อยทำให้เราเข้าใจสักเท่าไหร่ครับ

สิ่งที่หนังสือภาษาอังกฤษ Understanding and Using English Grammar ทำแตกต่างจากเล่มอื่นๆ คือ การนำ Tense มาเทียบกันให้ดู รวมถึงสถานการณ์ที่แต่ละ Tense นำไปมาใช้ ซึ่งทำให้เราเข้าใจเรื่อง Tense มากขึ้นแบบก้าวกระโดดครับ

ผมลองหยิบเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือภาษาอังกฤษ Understanding and Using English Grammar มาให้ทุกคนดูกัน

เนื้อหาบางส่วนจากหนังสือภาษาอังกฤษ Understanding and Using English Grammar 5th Edition
เนื้อหาบางส่วนจากหนังสือภาษาอังกฤษ Understanding and Using English Grammar 5th Edition

ทุกคนจะเห็นเลยว่า จริงๆ แล้ว Present Perfect มีวิธีการใช้ที่หลากหลายมากเลย

จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองมานาน หนังสือเล่มนีเป็นเล่มที่ทำให้ผมตื่นรู้เรื่อง Tense ที่สุดครับ

ใช้คำเวอร์มาก 55555 แต่ก็เป็นความจริงครับ แม้กราฟฟิกในหนังสือจะไม่ได้ดีมาก แต่เป็นเล่มเดียวจริงๆ ที่ทำให้ผมเข้าใจเรื่อง Tense ครับ

อีกหนึ่งเรื่องที่หนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้เด่นสุดๆ คือ เรื่องหัวข้อเรื่องการเขียน เช่น Phrase กับ Clause ซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องที่หลายๆ คนสับสนเวลาเขียนภาษาอังกฤษ

ผมแนะนำมากๆ ถ้าใครยังมีปัญหาเรื่อง Tense และ Clause หนังสือภาษาอังกฤษ Understanding and Using Grammar English เป็นตัวเลือกที่เหมาะมากๆ ครับ

สิ่งที่จะได้จากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้

หนังสือภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสาร

1. เซ็ท Cover พูดมันส์ 1,000 ประโยค 4 เล่ม

หนังสือภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสาร เซ็ท Conver พูดมันส์ 1,000 ประโยค
Jasper & Reader's Review
หนังสือ Grammar Go ของครูดิวถูกออกแบบให้การเรียนภาษาอังกฤษสนุก ประยุกต์ใช้ได้หลายสถานการณ์ เป็นหนังสือ Grammar ที่คุ้มค่าที่สุดในตลาดตอนนี้เลยครับ
ทำไมต้องหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ ?

หนังสือ Conver ครูดิวออกแบบมาให้คนที่มือใหม่มากๆ ในการสื่อสารภาษาอังกฤษ ผ่านการใช้กราฟฟิกสวยๆ สถานการณ์ Conversation และคำอธิบายที่เข้าใจได้แบบง่ายๆ ครับ

ที่ดีมากๆ เลยคือ หนังสือครูดิวเล่มนี้คล้ายๆ หนังสือเสียงที่เราสามารถฝึก Conversation ได้ครับ เป็นเสียงต่างชาติด้วย

ส่วนตัวผม คือผมไม่ใช่ Big Fan ของหนังสือประเภทนี้เท่าไหร่ แต่ผมเห็นมากับตาว่ามีคนที่เรียนในลักษณะนี้แล้วค่อนข้างเห็นผลครับ

วิธีคือเอาประโยคในหนังสือไปฝึกหน้ากระจก ประมาณว่า Role Play แสดงตามบทในหนังสือครับ ช่วงแรกๆ จะแปลกๆ นิดนึง แต่มันได้ผลอยู่นะครับถ้าเราทำลองทำไปเรื่อยๆ จนชิน

ถ้าใครกำลังมองหาวิธีการฝึกพูดภาษาอังกฤษในราคาไม่สูงมากเหมือนไปเข้า Workshop ราคาหลายหมื่น ผมคิดว่าหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ตอบโจทย์มากครับ

2. How to Talk to Anyone: 92 Little Tricks for Big Success in Relationships

หนังสือภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสาร how to talk to anyone
Jasper & Reader's Review
หนังสือ Grammar Go ของครูดิวถูกออกแบบให้การเรียนภาษาอังกฤษสนุก ประยุกต์ใช้ได้หลายสถานการณ์ เป็นหนังสือ Grammar ที่คุ้มค่าที่สุดในตลาดตอนนี้เลยครับ
Favorite Quote

I always try to turn the spotlight on the other person. "The longer you keep it shining away from you, the more interesting he or she finds you.”

ฉันมักให้คนอื่นเป็นจุดสนใจ เพราะยิ่งความน่าสนใจไปอยู่ที่คนอื่นมากเท่าไหร่ คนอื่นจะยิ่งมองเราน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น

ทำไมต้องหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ ?

ถ้าใครกำลังหาหนังสือ สนทนาภาษาอังกฤษ เล่มนี้ถือว่าค่อนข้างเหมาะครับ

เล่มนี้จะแตกต่างจากตัว Conver 1,000 ประโยคของครูดิวตรงที่จะไม่ได้สอนให้จำเป็นประโยค

เหมาะสำหรับคนที่พูดภาษาอังกฤษได้แล้วประมาณนึง แต่อยากอัพสกิลการสนทนาภาษาอังกฤษที่ไม่ใช่แค่ประโยคที่จำในหนังสือครับ

ถ้าเทียบกับหนังสือ Conver ของครูดิวที่มีประโยคให้เราจำไปใช้ได้เลยในหลากหลายสถานการณ์แล้วละก็ หนังสือ How to talk to anyone จะไม่คลอบคลุมเยอะเท่าของครูดิวครับ แต่จะเน้นให้เรา “กล้า” คุยกับคนอื่นมากขึ้น (ถ้ากรณีของเราที่เป็นคนไทยก็คือการคุยกับชาวต่างชาตินั่นเอง ! )

สิ่งที่จะได้จากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้

หนังสือภาษาอังกฤษ หัดอ่าน ทั้งแบบง่านและยาก

Show Your Work!: 10 Ways to Share Your Creativity and Get Discovered

Jasper & Reader's Review
อยากประสบความสำเร็จในโลกออนไลน์ต้องกล้าและนำเสนอให้เป็น Show Your Work เป็นหนังสือภาษาอังกฤษอ่านง่ายเล่มนึงที่ช่วยให้เรากล้าสู้กับความสงสัยในตัวเอง เพิ่มความมั่นใจในตัวเอง และดึงตัวเองออกมาทำสิ่งที่อยากทำในโลกออนไลน์
ทำไมต้องหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ ?

ใครที่อยากเริ่มทำ Content ไม่ว่าจะเป็นเพจหรือ YouTube แต่ไม่กล้าเริ่มสักที ผมว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะมากครับ

ไอเดียของหนังสือเล่มนี้คือ ให้มองการทำ Content ในโลกออนไลน์เป็นการผจญภัยมากกว่าเป็นจุดหมายครับ

เราจะค้นพบตัวเองผ่านการลองผิดลองถูกระหว่างทาง แต่ที่สำคัญเลย เราจะเริ่มทำได้ก็ต่อเมื่อเอาความเป็น Perfectionist ของเราออกไปครับ

เราไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะที่สุดในเรื่องนั้น ขอแค่เรียนรู้ให้เป็น นำเสนอให้เป็น และเข้าสังคมให้เป็นครับ

ถ้าเราอยากแชร์ Content ที่เราทำในโลกออนไลน์ เราไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เชี่ยวชาญที่สุดในด้านนั้นก็ได้ เราแค่ต้องคุยให้ถูกกลุ่ม เช่น ถ้าเราเป็นมือใหม่เหมือนกัน เราก็แค่ทำเนื้อหาช่วยคนที่เป็นมือใหม่เหมือนกันก็ได้

หนังสือเล่มนี้ ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรซับซ้อนเลยครับ มีใจความหลักอย่างเดียว แต่ก็เป็นเรื่องจริงอย่างมากเลยครับ

เว็บไซต์นี้เกิดขึ้นเพราะผมทิ้งความเป็น Perfectionist แล้วเริ่มทำแบบผิดๆ ถูกๆ และก็พัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ครับ

ข้อคิดได้จากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้

2. Sapiens: A Brief History of Humankind

หนังสือภาษาอังกฤษ หัดอ่าน sapiens
Jasper & Reader's Review
หนังสือประวัติศาสตร์สำหรับทุกเพศทุกวัย ใช้คำศัพท์ค่อนข้างยาก แต่ก็ไม่ได้ยากจนอ่านไม่รู้เรื่อง เนื้อหาสนุก เหมาะสำหรับการฝึกอ่านเพื่อเตรียมสอบสนามสอบดังอย่าง IELTS และ GRE ที่มีเนื้อหาประวัติศาสตร์และการเมืองค่อนข้างเยอะ
Favorite Quote

“Large numbers of strangers can cooperate successfully by believing in common myths."
“There are no gods, no nations, no money and no human rights, except in our collective imagination.”

"คนแปลกหน้าจำนวนมากร่วมมือกันได้เพราะมีความเชื่อในเรื่องเดียวกัน"
ในโลกนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าพระเจ้า ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าประเทศ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเงินตรา และไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสิทธิมนุษยชน ยกเว้นแต่ในโลกแห่งจินตนาการของมนุษย์ด้วยกันเองเท่านั้นที่มีสิ่งเหล่านี้"

ทำไมต้องหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ ?

หนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ทำให้ผมมองประวัติศาสตร์เปลี่ยนไปพอสมควรเลยครับ ใครว่าประวัติศาสตร์น่าเบื่อละก็ ต้องลองอ่าน Sapeins เลย !

ผมว่า Sapeins เป็นหนังสือที่เล่าประวัติศาสตร์ได้เจ๋งมากๆ และที่สำคัญไม่ว่าใครก็อ่านได้ครับ

ที่ผมเลือก Sapiens หนังสือภาษาอังกฤษสำหรับการหัดอ่าน เพราะการใช้ภาษาในหนังสือค่อนข้าง Advance เลยครับ

ถ้าใครกำลังเตรียมสอบจริงจังอย่าง IELTS หรือ GRE ละก็  Sapiens ถือเป็นหนังสือภาษาอังกฤษ หัดอ่าน ที่เหมาะมากๆ เพราะเนื้อหาค่อนข้างเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ IELTS กับ GRE ออกข้อสอบบ่อยๆ เช่น การเมือง และ ประวัติศาสตร์ครับ

ข้อคิดจากหนังสือภาษาอังกฤษ Sapiens: A Brief History of Humankind

หนังสือภาษาอังกฤษ น่าอ่าน ครบทุกหมวดหมู่

ถ้าหนังสือเรียนภาษาอังกฤษแบบจริงจังยังไม่ใช่แนว และไม่ค่อยแน่ใจว่าควรเลือกหนังสือภาษาอังกฤษ เล่มไหนดี ละก็ ผมมีหนังสือภาษาอังกฤษมา น่าอ่าน แบ่งตามหมวดหมู่ มาแนะนำครับ

การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษตามความชอบเราช่วยได้เยอะจริงๆ นะครับ จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมได้รู้ศัพท์มากขึ้น เข้าใจบริบทของคำมากขึ้น เข้าใจว่าประโยคแบบไหนดีไม่ดีในการเขียนครับ ถ้าใครกำลังเตรียมสอบอยู่ การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษควบคู่ไปด้วยเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ครับ

หนังสือภาษาอังกฤษ เล่มไหนดี ! เลือกตามสไตล์ที่ชอบ

  • หนังสือภาษาอังกฤษ จิตวิทยา : Mindset: The New Psychology of Success
  • หนังสือภาษาอังกฤษ ธุรกิจ : The Lean Startup: How Today’s Entrepreneurs Use Continuous Innovation to Create Radically Successful Businesses
  • หนังสือภาษาอังกฤษ พัฒนาตัวเอง : Atomic Habits: An Easy & Proven Way to Build Good Habits & Break Bad Ones
  • หนังสือภาษาอังกฤษ วัยทำงาน : So Good They Can’t Ignore You: Why Skills Trump Passion in the Quest for Work You Love

หนังสือภาษาอังกฤษ จิตวิทยา

1. Mindset: The New Psychology of Success

หนังสือภาษาอังกฤษ จิตวิทยา mindset
Jasper & Reader's Review
ถ้าใครสงสัยว่าหนังสือเปลี่ยนชีวิตเราได้จริงหรอ ผมอยากให้ลองอ่านเล่มนี้ดูครับ หนังสือ Mindset เป็นหนังสือเล่มแรกและเป็นเล่มเปลี่ยนชีวิตของผมไปอย่างสิ้นเชิงเลยครับ นอกจากจะได้ฝึกการอ่านภาษาอังกฤษ และได้คุ้นชินกับเนื้อหาที่มักออกข้อสอบบ่อยๆ แล้ว ผมเชื่อว่าทุกคนที่ได้อ่านเล่มนี้จะได้รับข้อคิดและบทเรียนชีวิตที่ดีมากๆ จากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ครับ
ทำไมต้องหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ ?

ถ้าใครคิดว่าตัวเองไม่เก่งเหมือนคนอื่นบ้างละก็ เราทั้งคู่เหมือนกันครับ

ผมเองก็เป็นคนความสามารถกลาง ๆ (ค่อนไปทางแย่) คนนึงเหมือนกัน ยอมแพ้ง่าย ไม่ได้มีพรสวรรค์อะไร เลยไม่กล้าทำอะไรจริงจังสักอย่าง แต่หนังสือ Mindset เปลี่ยนผมเป็นคนที่ดีขึ้น

ไม่ใช่ว่าผมเก่งขึ้น หรือมีพรสวรรค์มากขึ้นนะครับ แต่ผมเข้าใจ Mindset ตัวเองมากขึ้น เข้าใจว่าคนเราจะสำเร็จได้ไม่ใช่แค่เรื่องของความสามารถ แต่เป็นเรื่องของ Mindset เราต่อเรื่องนั้นๆ ครับ

ผมมีประสบการณ์การฝึกเขียน Code ด้วยตัวเองมาก่อน แม้ตัวเองจะไม่ได้จบด้านนี้มาก่อน แต่ผมก็พอจะเขียน Code ได้ในระดับนึงจากการพยายามเรียนมันทุกๆ วัน ยาวนานกว่า 1 ปีระหว่างที่เรียนปริญญาโทไปด้วย

ซึ่งถ้าถามว่า ทำไมผมถึงทำได้สำเร็จละก็ หนังสือ Mindset คงเป็นหนึ่งในปัจจัยครับ ผมเชื่อว่าผมมีความพยายามและความสามารถที่จะทำได้ แม้จะไม่มีพรสวรรค์อะไรเท่าไหร่

คนเรามีสิ่งที่เรียกว่า Growth Mindset ซึ่งเป็นความเชื่อที่ว่า คนเราสามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าเรามีความพยายามอย่างชาญฉลาดครับ และอีกหนึ่งมายเซ็ทคือ Fixed Mindset ครับ ซึ่งเป็น Mindset ที่มองว่า ถ้าเราไม่มีพรสวรรค์ในเรื่องไหนละก็ เราจะไม่มีวันทำอะไรสำเร็จครับ

คนเรามี Growth Mindset และ Fixed Mindset อยู่กับตัวครับ ไม่ว่ากับเรื่องไหน แม้กับการเรียนภาษาอังกฤษก็ไม่เว้นครับ

ใครที่คิดว่าตัวเองไม่ได้เก่งกล้าสามารถ กำลังจะยอมแพ้กับการเรียนภาษาอังกฤษ ลองอ่านหนังสือ Mindset ดูนะครับ

คำศัพท์และข้อคิดจากหนังสือ Mindset จะช่วยให้เราพัฒนาตัวเองไปอีกระดับทั้งในแง่ของภาษาและการมองตัวเองที่เปลี่ยนไปครับ

ข้อคิดจะได้จากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้

2. Think Again: The Power of Knowing What You Don't Know

หนังสือภาษาอังกฤษ จิตวิทยา Think Again
Jasper & Reader's Review
อยากประสบความสำเร็จในยุคนี้ต้องเปิดใจให้กว้าง หนังสือเล่มนี้สอนให้เราอย่ายึดติดกับความเชื่อเดิมๆ และวิธีเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เพื่อให้เราพร้อมกับใช้ชีวิตในโลกที่เปลี่ยนบ๊อยบ่อย ใครชอบจิตวิทยาละก็ หนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ตอบโจทย์ครับ
ทำไมต้องหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ ?

สิ่งสุดท้ายที่ขวางทางเราสู่การเก่งภาษาอังกฤษอาจจะเป็นการที่เรายึดติดกับวิธีการและประสบการณ์เดิมๆ ก็ได้นะครับ

หนังสือภาษาอังกฤษ Think Again พาเราไปรู้จักกับทักษะ Rethink หรือความสามารถในการเปลี่ยนวิธีคิดของตัวเองครับ

ไอเดียของหนังสือเล่มนี้คือ คนเราตัดสินใจผิดพลาด มองโลกต่างจากที่เป็นจริง เพราะยึดมั่นกับสิ่งที่เรียนรู้และประสบการณ์ในอดีตมากกว่าการมองโลกอย่างเป็นลางครับ

ในแง่ของการเป็นหนังสือภาษาอังกฤษ ฝึกภาษา ถือว่าการใช้ภาษาค่อนข้างง่ายเลยครับ แม้ว่าจะมีตัวอย่างงานวิจัยค่อนข้างเยอะ ซึ่งทำให้เหมาะมากๆ กับการฝึกการอ่านภาษาอังกฤษครับ

นอกจากหนังสือ Think Again จะสอนให้เราเปลี่ยนวิธีคิดตัวเองแล้ว ยังมีสอนเรื่องการเปลี่ยนความคิดของอีกฝ่ายด้วยนะครับ เช่น ถ้าอยากเปลี่ยนใจอีกฝ่ายต้องถามให้ถูกคำถาม เป็นต้น

สิ่งที่จะได้จากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้

3. Thinking, Fast and Slow

Jasper & Reader's Review
Thinking Fast and Slow เป็นหนังสือที่ช่วยให้เรามีสติมากขึ้น ผ่านการเข้าใจการทำงานของสมองและงานวิจัยต่างๆ ว่า ทำไมหลายๆ ครั้งเราก็ตัดสินใจอะไรแปลกๆ และแน่นอนว่าเหมาะกับการอ่านฝึกภาษาด้วยครับ
ทำไมต้องหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ ?

ทุกเรื่องราวที่ตัดสินใจพลาดที่เรามักนึกย้อนกลับไปเวลานอน หรือแม้กระทั่งตอนอาบน้ำ อาจเกิดจากการตัดสินใจโดยสัญชญาณมากกว่าการคิดแบบมีเหตุมีผลก็ได้นะครับ

หนังสือ Thinking, Fast and Slow นำงานวิจัยต่างๆ มาเล่าให้เราฟังว่า สมองของเรามี 2 ระบบ คือ ระบบที่ 1 ที่เน้นการคิดแบบใช้สัญชาตญาณ และระบบที่ 2 ที่มีความเป็นตรรกะมากกว่า

ซึ่งแน่นอนว่าเราทุกคนขี้เกียจใช่ไหมครับ สมองคนเราเองก็ขี้เกียจเหมือนกัน ไม่อยากคิดเยอะ เหนื่อย สมองเราเลยพึ่งระบบที่ 1 เยอะ เน้นตัดสินใจตามสัญชาตญาณมากกว่า และนั่นทำให้เราเผลอตัวใช้สมองระบบที่ 1 ตัดสินใจมากกว่านั่นเอง

ถ้าเรามองหนังสือเล่มนี้ในแง่ของการเป็นหนังสือภาษาอังกฤษเพื่อฝึกภาษาละก็ ผมคิดว่า Thinking, Fast and Slow เป็นหนังสือภาษาอังกฤษที่ช่วยฝึกภาษาได้ดีอีกเล่มนึงเลยครับ เพราะมีการใช้ภาษาที่ค่อนข้างผสมกันระหว่างง่ายกับยาก

นอกจากนี้เนื้อหาในเชิงงานวิจัยก็เป็นหนึ่งในเนื้อหาที่ออกข้อสอบในสนามสอบใหญ่ๆ ค่อนข้างเยอะด้วย มีงานวิจัยสนุกๆ ให้เราอ่านเพียบเลยครับ

และที่สำคัญที่สุด ข้อคิดที่ได้จากหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้เราระวังตัวเองมากขึ้นมากเวลาต้องตัดสินใจอะไรสักอย่างครับ

ข้อคิดที่จะได้จากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้

หนังสือภาษาอังกฤษ ธุรกิจ และ การเงิน

1. The Lean Startup: How Today's Entrepreneurs Use Continuous Innovation to Create Radically Successful Businesses

หนังสือภาษาอังกฤษ ธุรกิจ the lean startup
Jasper & Reader's Review
หนึ่งในหนังสือสุดคลาสิคในวงการ Start up ครับ เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยอ่านหนังสือธุรกิจมาก่อน แต่อยากเข้าใจแนวคิดการทำธุรกิจในยุคใหม่มากขึ้น มีการใช้ภาษาที่ค่อนข้างเข้าถึงง่าย และมีตัวอย่างให้อ่านเยอะ ทำให้เราได้เรียนรู้ภาษาผ่าน Case Study มากมายในเล่มครับ
ทำไมต้องหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ ?

หมดยุคการทำธุรกิจที่ว่าไอเดียเราดีที่สุด ทุ่มเงินล้าน สร้างธุรกิจสุดปังข้ามคืนแล้วครับ ปัจจุบันมีวิธีการที่เสี่ยงน้อยกว่า และอาจใช้เงินทุนน้อยกว่า นั่นคือการหาโมเดลธุรกิจที่ดีที่สุดผ่านการทดสอบสมมติฐาน และหา Feedback เพื่อค้นหาโมเดลที่ดีที่สุดครับ

The Lean Startup เป็นหนังสือเล่มแรกๆ ที่มองการทำธุรกิจเป็น “วิทยาศาสตร์” มากขึ้น และแตกต่างจากหนังสือธุรกิจในยุคก่อนๆ ค่อนข้างเยอะครับ

ในแง่ของการเป็นหนังสือภาษาอังกฤษ ผมมองว่า The Lean Startup มี Case Study ต่างๆ ที่นำวิธีคิดของ Lean Startup เช่น การทำ Minimum Viable Product (MVP) ไปใช้จนประสบความสำเร็จค่อนข้างเยอะ ซึ่งเราจะได้เรียนรู้คำศัพท์ และเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ทั้งในด้านการสอบ และการสื่อสารภาษาอังกฤษครับ

ข้อคิดที่จะได้จากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้

2. The Visual MBA : A Quick Guide to Everything You'll Learn in Two Years of Business School

หนังสือภาษาอังกฤษ ธุรกิจ the visual mba
Jasper & Reader's Review
ถ้าใครเป็นมือใหม่อยากทำธุรกิจ หนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้บอกภาพรวมขององค์ประกอบธุรกิจและแนวคิดเชิงบริหารได้ค่อนข้างดีครับ ไม่ได้ลงลึกมาก ใช้ภาษาที่ค่อนข้างเข้าใจง่าย แต่ไม่เหมาะกับคนที่ทำธุรกิจมานานสักเท่าไหร่ครับ
ทำไมต้องหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ ?

ถ้าใครไม่ชอบอ่านหนังสือธุรกิจ และอยากรู้คนที่จบปริญญาโทบริหารธุรกิจ (MBA) เขาเรียนอะไรกัน หนังสือเล่มนี้บอกภาพรวมค่อนข้างดีครับ

หลายๆ อย่างที่เรียนกันใน MBA มักจะเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า “Framework” ครับ มันคือกรอบแนวคิดในการวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ซึ่งวิจัยมาแล้วว่าดี

ผมว่าหลายคนต้องเคยได้ยินศัพท์อย่าง SWOT ไม่ก็ Five Forces Model มาก่อนแน่ๆ เลยใช่ไหมครับ นี่แหละครับ Framework ที่เป็นเหมือนกับกรอบความคิดในการวิเคราะห์ ช่วยให้เราไม่พลาดองค์ประกอบที่สำคัญในการตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจ

ในแง่ของการเป็นหนังสือภาษาอังกฤษ ภาษาที่ใช้ในหนังสือถือว่าอ่านง่ายมากๆ ครับ เพราะคนเขียนหนังสือเล่มนี้ตั้งใจให้คนทั่วไปอ่านเข้าใจง่ายๆ เข้าใจศัพท์ธุรกิจยากๆ ได้ผ่านภาพแนว “Sketechnote” แบบสวยๆ ครับ

ถ้าใครเรียนธุรกิจมาก่อนจะไม่ค่อยรู้สึกว่าเนื้อหาหนังสือเล่มนี้ดีสักเท่าไหร่ครับ ผมเองก็จบบริหารธุรกิจมา ค่อนข้างรู้สึกเฉยๆ

จะมีบางหัวข้อที่น่าสนใจดี แต่โดยรวมแล้วเหมาะสำหรับมือใหม่ด้านธุรกิจมากกว่าครับ

ข้อคิดจะได้จากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้

3. The Psychology of Money: Timeless lessons on wealth, greed, and happiness

Jasper & Reader's Review
หนึ่งในหนังสือการเงินการลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับผมเลยครับ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้บอกเทคนิคการลงทุนสุดล้ำ หรือ เคล็ดลับการรวยเร็วอะไรแบบนั้นนะครับ แต่เป็นจิตวิทยา อารมณ์ความรู้สึก และพฤติกรรมของเราที่มีผลต่อการเงินและการลงทุนของเรา ผมได้บทเรียนหลากหลายมากจากหนังสือเล่มนี้ แนะนำมากๆ ครับ ได้ทั้งภาษาและข้อคิดดีๆ ด้านการเงินการลงทุน
Favorite Quote

Having more flexibility and control over your time is far more valuable than getting another 2% on your returns by working all-nighters or making speculative bets that impact your sleep.

“The ability to do what you want, when you want, with who you want, for as long as you want, is priceless. It is the highest dividend money pays.”

การมีความยืดหยุ่นและความสามารถในการควบคุมเวลาการใช้ชีวิตของตัวเองนั้นมีคุณค่ามากกว่าการได้เงินเพิ่มขึ้น 2% จากการโหมงานหนัก หรือ การลงทุนเก็งกำไรที่ทำให้คุณนอนไม่หลับหลายปีมากนัก

การได้ทำอะไรที่อยากทำ ไม่ว่าตอนไหน กับใคร เวลานานเท่าไหร่ เป็นสิ่งที่ตีเป็นมุลค่าไม่ได้ เรียกได้ว่าเป็นผลตอบแทนสูงที่สุดเงินตราจ่ายให้เราเลยละ

ทำไมต้องหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ ?

สิ่งที่มีผลต่อการเงินการลงทุน ใครว่ามีแค่เรื่องปัจจัยภายนอก? ไอเดียของหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้มองว่าความรู้สึก และการกระทำของเราต่อเงินมีผลอย่างมากกับการเงินการลงทุนครับ

การประสบความสำเร็จทางด้านการเงิน จริงๆ แล้วไม่ได้มีแค่ทักษะ และความพยายามเท่านั้น โชคก็เป็นหนึ่งปัจจัยที่ส่งเสริมชีวิตเราครับ

ในหนังสือยกตัวอย่าง Bill Gates ว่าเป็นคนที่ฉลาด ความสามารถสูง มุ่งมานะ และก็โชคดีมากๆ ที่ได้ไปอยู่ในโรงเรียนเพียงโรงเรียนเดียว ณ เวลานั้นที่มีคอมพิวเตอร์ ซึ่งความโชคดีที่ว่านี้คือโอกาส 1 ใน 1,000,000 ที่จะเกิดขึ้นครับ

อีกคนนึงเป็นเพื่อน Bill Gates ชื่อ Kent Evans ซึ่งเก่งเหมือนกัน สนใจคอมพิวเตอร์เหมือนกัน มุ่งมานะ เหมือนกัน แต่ประสบอุบัติเหตุขับรถตกภูเขา ซึ่งในสมัยนั้นโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์โชคร้ายแบบนี้ขึ้น คือ 1 ใน 1,000,000 เช่นกันครับ

อีกหนึ่งไอเดียสำคัญคือความหมายของความรวยและความมั่งคั่งทางการเงินที่ผมชอบมากๆ ครับ

ความมั่งคั่งเกิดจากการที่เราไม่ใช้เงินในวันนี้ เพื่อให้ตัวมีทางเลือกากขึ้นในอนาคต

ผมว่าจริงๆ มากครับ ถ้าเรามีเงินสำรองไว้ เราจะเอาเงินไปเรียนทักษะใหม่ในอนาคต สำรองเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือออกจากงานเพื่อไปทำธุรกิจส่วนตัวจากความมั่งคั่งที่เรามี ซึ่งแตกต่างความรวยที่หมายถึงเงินที่เราหามาได้แล้วใช้ไปโดยไม่เก็บครับ

ถ้าใครอยากลองอ่านหนังสือภาษาอังกฤษที่อ่านไม่ยาก เกี่ยวข้องกับการเงินการลงทุนละก็ หนังสือเล่มนี้เหมาะมากๆ ครับ

สิ่งที่จะได้จากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้

หนังสือภาษาอังกฤษ พัฒนาตัวเอง

1. Atomic Habits: An Easy & Proven Way to Build Good Habits & Break Bad Ones

หนังสือภาษาอังกฤษ พัฒนาตัวเอง Atomic Habits
Jasper & Reader's Review
พัฒนาตัวเองในทุกๆ วัน วันละนิดวันละหน่อย ถ้าทำแบบนี้ไปสัก 1 ปี จะช่วยให้เราเก่งขึ้น 37 เท่า Atomic Habits ช่วยให้เราปรับพฤติกรรมได้ผ่านตัวอย่างและหลักการที่ใช้ได้จริง เป็นหนังสือเปลี่ยนพฤติกรรมเล่มเดียวที่ผมอ่านแล้วใช้ได้จริง เลยแนะนำสุดๆ ครับเล่มนี้
Favorite Quote

Habits are the compound interest of self-improvement.

พฤติกรรมเป็นเหมือนดอกเบี้ยทบต้นของการพัฒนาตนเอง ยิ่งสะสมไปเรื่อยๆ ผลตอบแทนยิ่งสูง

ทำไมต้องหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ ?

ผมว่าทุกคนน่าจะเคยได้ยินคำพูดประมาณว่า พัฒนาตัวเอง 1 % ในทุกๆ วัน เราจะเก่งขึ้น 37 เท่า ภายใน 1 ปีใช่ไหมครับ ต้นฉบับน่าจะมาจากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้นี่แหละครับ และก็เป็นหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่เปลี่ยนชีวิตผม และให้กำเนิดเว็บไซต์นี้ด้วยครับ

ผมว่าเราอยากเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นทั้งนั้นใช่ไหมครับ ลุกออกมากำลังกาย ฝึกภาษาอังกฤษในทุกๆ วัน แต่ว่ามันขี้เกียจอะ อยากเล่นเกม หิวข้าวด้วยเนี่ย

หนึ่งในเหตุผลที่เราได้ลุกมาทำสิ่งที่จะช่วยให้เราเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นคือการที่เราเสพติดพฤติกรรมเดิม และไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพฤติกรรมใหม่ๆ ยังไงครับ ซึ่งเจ้าหนังสือ Atomic Habits มีคำตอบให้สำหรับเรื่องนี้เลยครับ

เป็นหนังสือเปลี่ยนพฤติกรรมเล่มเดียวที่เวิร์คสำหรับผม และเว็บไซต์ Jasper & Reader เป็นผลลัพธ์ของหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้เลยครับ

ผมปรับพฤติกรรมมาเขียนบทความทุกๆ วันได้ จนมีบทความเกือบ 100 บทความในเว็บไซต์เพราะผมทำมันทุกวันจนชินนั่นเองครับ

เคล็ดลับที่ทำให้ผมทำได้สำเร็จคือ ผมทำให้มันสนุก ครับ ช่วงแรกๆ ผมไม่แคร์เลยว่าสิ่งที่ผมเขียนมันจะแย่แค่ไหน ขอแค่ให้ได้เริ่มเขียน และลงเว็บไซต์ในทุกๆ วัน (ความเป็น Perfectionist ทำให้ผมไม่ได้เริ่มอะไรสักที)

สักพักผมก็ปรับปรุงตัวเองไปเรื่อยๆ และสนุกไปกับการเขียน จนเขียนทุกวันนั่นเองครับ (และแน่นอนว่าผมกลับไปแก้บทความเก่าๆ ของผมที่เขียนไว้ให้ดีขึ้นด้วย)  

ในแง่ของการเป็นหนังสือภาษาอังกฤษฝึกภาษาละก็ ผมว่าหนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือทั่วไป ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ในแง่เนื้อหาละก็ ผมว่าถ้าเราเอาไปปรับใช้ละก็ เราจะฝึกฝนภาษาอังกฤษจนเก่งขึ้นในทุกๆ วัน อย่างที่ผมทำกับเว็บไซต์นี้ได้ แนะนำสุดตัวครับ ! (อ่าน รีวิว Atomic habits)

ข้อคิดจากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้

2. The 7 Habits of Highly Effective People: Infographics Edition: Powerful Lessons in Personal Change

หนังสือภาษาอังกฤษ พัฒนาตัวเอง 7 habits of highly effective people
Jasper & Reader's Review
หนังสือภาษาอังกฤษสุดคลาสิคที่ขายดีตลอดกาล หนังสือเล่มนี้เล่าถึงวิธีคิดและพฤติกรรม 7 อย่างที่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จในอนาคต เป็นหนังสือที่ต้องอ่านเองถึงจะเข้าสิ่งที่ Stephen Covey ต้องการสื่อครับ
ทำไมต้องหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ ?

ตัวอย่างพฤติกรรมหนังสือเล่มนี้เล่าให้ฟังคือ

  • เราเป็นผู้กำหนดชีวิตตัวเอง
  • มองให้ไกลถึงจุดจบ
  • ทำเรื่องที่สำคัญในระยะยาว
  • คิดแบบ Win Win

ฟังแล้วดูไม่มีอะไร เป็นข้อคิดทั่วไป หาฟังจากที่ไหนก็ได้ใช่ไหมครับ ผมเองก็คิดแบบนั้นก่อนจะซื้อหนังสือเล่มนี้

แต่พอผมได้อ่าน ผมเข้าใจเลยว่าทำไมถึงเป็นหนังสือขายดีตลอดกาล เรื่องราวที่ Stephen Covey เล่า และ ถ่ายทอดทรงพลังมากๆ ครับ

ไอเดียของ Covey คือ คนเรามองโลกบนพื้นฐานของทัศนคติของเราที่มีต่อโลก ดังนั้นการที่เราจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์รอบตัว เราจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเอง และถ้าเราต้องเปลี่ยนตัวเอง เราต้องเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติของเราที่มีต่อโลก

Covey เชื่อว่า เราต้องเจอเหตุการณ์ที่เรียกว่า “Paradigm Shift” สถานการณ์ที่ทำให้มุมมองต่อโลกและผู้คนของเราเปลี่ยนไป

ผมว่าทุกคนเคยได้ยินคำว่า “สถานการณ์สร้างวีรบุรษ” กันมาก่อนแน่ๆ ครับ สถานการณ์บางอย่างบีบบังคับให้มองโลกเปลี่ยนไป และนั่นทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนไปด้วย

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกสถานการณ์จะสร้างวีรบุรษ เพราะ สถานการณ์บางอย่างก็เปลี่ยนเราจากดีเป็นแย่ก็มีครับ

ผมเองมีมุมมองต่อการทำงานเปลี่ยนไปเยอะมาก ผมเป็น Introvert ขั้นสุด แถมเป็นคนกลัวการเข้าสังคมมากๆ และนั่นทำให้ชีวิตการทำงานผมลำบากมาก

แต่ตอนผมเรียนจบใหม่ๆ ผมเชื่อว่า ตราบเท่าที่เราทำประโยชน์กับบริษัท ผมสามารถทำงานคนเดียว ไม่ต้องเข้าสังคม ปิดทองหลังพระ แม้ไม่มีคนเห็นก็ไม่เป็นไร 

ผลคือ ผมโดนบีบให้ออกจากงาน เพราะหัวหน้ามองว่าผมดูไม่มีผลงาน ดูเข้ากับคนอื่นไม่ได้ และผมก็ต้องออกจากงานโดยที่ยังไม่ได้มีงานใหม่รองรับ

ถ้าพูดตรงๆ เลย ตอนนั้นผมเจ็บปวดมากครับ เหมือนได้ลิ้มรสโลกแห่งการทำงานเป็นครั้งแรก ผมโชคยังดีที่ไม่ได้ลำบากเหมือนคนอื่นๆ แต่ถ้าผมโดนแบบนี้ตอนอายุเยอะๆ ละ จะทำยังไง? ถ้าผมไม่ได้โชคดีแบบนี้อีกครั้งที่สองละ จะทำยังไง?

เหตุการณ์นี้เปลี่ยนมุมมองผมต่อการทำงานไปอย่างสิ้นเชิง  ผมเข้าใจว่า การทำงานไม่ใช่แค่เรื่องงานอย่างเดียว ยังมีเรื่องวัฒนธรรม มีการเมือง และอื่นๆ อีกมากมาย 

เหตุการณ์นี้ทำให้ผมพยายามเข้าสังคมมากขึ้น (แต่ปัจจุบันก็ยังคิดมากเวลาคุยกับคนอื่น และเกลียด outing บริษัทมาก) พยายามอัพสกิลตัวเองให้เป็นที่ต้องการของตลาด หารายได้หลายช่องทาง เป็นต้นครับ

ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ผมผูกพันกับหนังสือของ Covey มากๆ เพราะว่าผมโดนเองกับตัว และแนะนำทุกคนให้อ่านหนังสือเล่มนี้มากๆ ครับ

ในแง่มุมมองของหนังสือภาษาอังกฤษสำหรับการฝึกภาษาละเป็นยังไง? จริงๆ เล่มนี้ก็มีแปลไทยนะครับ แต่ผมว่าภาษาอังกฤษอธิบายได้ดีกว่ามากๆ และเราจะเข้าใจบริบทของคำศัพท์ที่ Covey อธิบายได้ดีกว่ามากๆ

อย่างคำว่า Paradigm Shift เป็นคำที่แปลเป็นไทยยากพอสมควร ต้องอ่านในบริบทของหนังสือภาษาอังกฤษเท่านั้นถึงจะเข้าใจครับ

สิ่งที่จะได้จากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้

3. So Good They Can't Ignore You: Why Skills Trump Passion in the Quest for Work You Love

หนังสือภาษาอังกฤษ พัฒนาตัวเอง So good they cant ignore you
Jasper & Reader's Review
หนังสือวางแผนชีวิตการทำงานที่ดีที่สุดสำหรับผมเลยครับ ถ้าเราอยากออกแบบชีวิตและงานในฝัน ต้องเก่งให้สุดจนคนหยุดสนใจไม่ได้ ผ่านการมีทักษะที่มีคุณค่าและได้ตัวจับได้ยาก หนังสือเล่มนี้บอกวิธีเหล่านี้ผ่านเรื่องราวของผู้เขียน และกลุ่มคนที่มีประสบความสำเร็จจากพัฒนาตัวเองจนเก่งครับ
Favorite Quote

If you want a great job, you need something of great value to offer in return.”

Put aside the question of whether your job is your true passion, and instead turn your focus toward becoming so good they can’t ignore you.

ถ้าเราอยากได้งานที่ดี เราต้องมีสิ่งที่ดีพอกันไปแลกเปลี่ยน แทนที่เราจะถามว่านี่ใช่งานที่เป็นแพชชั่นของเราไหม ให้เราโฟกัสไปที่ทำยังไงเราถึงเป็นคนที่เก่งจนคนอื่นหยุดสนใจไม่ได้

ทำไมต้องหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ ?

เป็นหนังสือภาษาอังกฤษที่ผมชอบมากๆ และเปลี่ยนชีวิตการทำงานของผมไปอย่างสิ้นเชิงเลยครับ ถ้าเขียนรีวิวหนังสือเล่มนี้ เขียนได้หลายหน้าหลายโพสต์เลยครับ

ไอเดียของหนังสือเล่มนี้ก็ตามชื่อเลยครับ “ถ้าอยากได้งานในฝัน ต้องเก่งให้สุดจนคนหยุดสนใจไม่ได้”

Cal Newport เชื่อว่า คำแนะนำที่ให้เราเลือกงานตาม Passion ไม่ใช่คำแนะนำที่ดีนัก เพราะเราไม่ได้มี Passion ตั้งแต่วันแรก แต่ Passion จะเกิดขึ้นต่อเมื่อเราทำงานนั้นได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นระยะเวลานานครับ

เป็นแนวคิดที่เสี่ยงโดนทัวร์ลงสุดๆ แต่ผมว่ามันจริงมากๆ เลยนะครับ แน่นอนว่าเราต้องมีความสนใจในงานนั้นในระดับนึง ถึงจะเริ่มอยากพัฒนาตัวเองให้เก่งแบบสุดๆ ได้ แต่แพชชั่นอยู่กับเราไม่นานครับ ท้ายที่สุดเราต้องมีแรงผลักดันที่มากกว่า Passion เพื่อพัฒนาตัวเองครับ

Cal Newport เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้งานนั้นดีมีอยู่ 3 องค์ประกอบ คือ อิสระในการทำงาน, สร้างความเปลี่ยนแปลง, และความคิดสร้างสรรค์

ซึ่งงานที่มีครบทั้งสามประเภทนี้มีไม่มากนัก สิ่งที่ Newport แนะนำคือ การมีทักษะที่มีคุณค่าและทดแทนได้ยากจะช่วยให้เราออกแบบงานในฝันของเราได้ 

ผมเชื่อมั่นในแนวคิดของหนังสือเล่มนี้มากๆ ครับ เพราะเจอเหตุการณ์หลากหลายที่ทำให้ต้องกลับมาอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่บ่อย ๆ

Cal Newport มีแนะนำวิธีการพัฒนาทักษะ วิธีการเลือกงานที่ใช่ และอื่นอีกมากๆ สำหรับการวางแผนหางานที่ใช่

ถ้าใครอยู่ในวัยทำงาน โดยเฉพาะ First Jobber ผมแนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้แบบสุดๆ ครับ ได้ทั้งภาษาและได้หลักคิดในการวางแผนการทำงานของตัวเองที่ดีมากๆ เลยครับ

สิ่งที่จะได้จากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังเลือกไม่ได้ละก็ ผมแนะนำหลักการเลือกหนังสือภาษาอังกฤษ 4 วิธีดังนี้ครับ

หนังสือภาษาอังกฤษ เล่มไหนดี เหมาะกับเรา? 4 วิธีการเลือกที่ดีที่สุด

เนือหา ราคา ความคุ้มค่า เป้าหมาย และบริบท คือ 4 ปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงเมื่อเลือกหนังสือภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเพื่อการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง การสอบ ไปจนถึงการสื่อสารครับ

1. เนื้อหา

เวลาเลือกหนังสือให้ลองอ่านสารบัญดูครับว่าเนื้อหาตอบโจทย์เราไหม เพราะเนื้อหาในหนังสือภาษาอังกฤษแต่ละเล่ม ไม่เหมือนกัน และถึงแม้จะเหมือนกัน วิธีการนำเสนอก็ต่างกันครับ ลองเลือกวิธีการสอนที่ตรงกับเราดูครับ

2. ราคา

หนังสือภาษาอังกฤษบางเล่มก็ราคาแพงแสนแพงครับ ดังนั้น ถ้าทุนเราไม่ไหว ผมเชื่อว่ายังมีหนังสือเล่มอื่นๆ ที่เนื้อหาพอๆ กันแต่ถูกกว่าครับ

โชคยังดีที่เดี๋ยวนี้มีพวกโปรโมชั่น Double Day ตลอดทำให้เราได้ซื้อหนังสือภาษาอังกฤษในราคาที่ถูกลงมาก (ผมนี่ซื้ออย่างบ่อยครับ)

ผมแนะนำว่าถ้าไม่รีบมาก ซื้อในวัน Double Day จะคุ้มกว่ามากๆ ครับ ยิ่งหนังสือของครูดิวยิ่งคุ้มค่าครับ

3. ความคุ้มค่า

ความคุ้มค่าในการซื้อหนังสือภาษาอังกฤษเกิดจาก เนื้อหาหารด้วยราคาครับ

ถ้าเนื้อหาดี ราคาถูก ความคุ้มค่าจะพุ่งทะลุเพดานเลยครับ แต่บางเล่ม เนื้อหาเฉยๆ แต่ราคาดันแพงซะนี่ ความคุ้มค่าก็ไม่ค่อยมีครับ

ดังนั้นเวลาเลิอกหนังสือภาษาอังกฤษ ถ้ามีโอกาสลองเปิดเนื้อหาดูว่าตรงใจเราไหม ราคาสู้ไหวรึเปล่า จะได้คุ้มค่ากับการลงทุนของเราครับ

4. เป้าหมาย

ไม่ว่าหนังสือภาษาอังกฤษจะดีแค่ไหน ถ้าไม่ตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตของเราก็เท่านั้นครับ

ถ้าเป้าหมายของเราคือการสอบ IELTS ให้ได้คะแนนสูงๆ เพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ หนังสือ Grammar แบบปกติอาจจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่ หนังสือติว IELTS อาจจะเหมาะกว่า

ดังนั้นประเมินเป้าหมายและความสามารถของตัวเองดีๆ ก่อนว่าเราเหมาะกับหนังสือภาษาอังกฤษเล่มไหนจะดีที่สุดครับ

สรุปหนังสือภาษาอังกฤษ แนะนำ

จบกันไปแล้วสำหรับการแนะนำหนังสือภาษาอังกฤษ ตามหมวดหมูครับ

การเลือกซื้อหนังสือภาษาอังกฤษเพื่อเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ อย่างนึงเลยครับ เพราะ ราคาไม่สูงมาก และได้ประโยชน์ค่อนข้างเยอะเลยด้วย

ใครซื้ออันไหน แล้วเวิร์คไม่เวิร์คมา Comment คุยกันได้เลยนะครับ

เขียนและรีวิวโดย
สวัสดีครับ ผู้เขียนขออนุญาตใช้ชื่อ Jasper & Reader เป็นนามปากกาสำหรับคุยกับทุกคนนะครับ แม้จะไม่ใช่ชื่อจริง แต่ผมเชื่อว่าประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก การสอบ IELTS Overall 7.0 และการทำงานในบริษัทต่างชาติจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองอย่างแน่นอนครับ