หลักการใช้ since กับ for แบบละเอียด ต่างกันยังไง พร้อมตัวอย่างประโยค

เลือกอ่านตามหัวข้อ

การใช้ since กับ for เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เรามักจะเจอตอนเขียน essay ว่าสรุปแล้วต้องใช้แบบไหน? แล้วถ้าเป็น Present perfect tense ต้องใช้ยังไง?

วันนี้ Jasper & Reader จะมาตอบทุกคำถามว่า for ใช้ยังไง for ใช้กับอะไร แตกต่างกับการใช้ since ยังไง พร้อมตัวอย่างประโยคที่จะช่วยให้เราเขียน essay ได้ดีขึ้นสุดๆ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย

การใช้ for พร้อมตัวอย่างประโยค

ก่อนเข้าสู่หลักการใช้ for เราต้องย้อนกลับไปดูพื้นฐานเรื่อง Part of speech กันก่อนครับ

เหตุผลที่เรามักจะสับสนกับการใช้ for นั้นเป็นเพราะว่าเราไม่ได้ถูกสอนเรื่อง Part of speech อย่างจริงจังสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะนักเรียนภาคไทย ทำให้ไม่เข้าใจสักทีกับการใช้ for ให้ถูกหลักแกรมม่าครับ

Part of speech คือ ประเภทของคำทั้ง 8 ประเภทในภาษาอังกฤษ ซึ่งประกอบไปด้วย 1. Noun (คำนาม) 2. Pronoun (คำสรรพนาม) 3. Verb (คำกริยา) 4. Adjective (คำคุณศัพท์) 5. Adverb (คำวิเศษณ์) 6. Preposition (คำบุพบท) 7. Conjunction (คำสันธาน) 8. Interjection (คำอุทาน)

ประเด็นคือตรงนี้ครับ For นั้นสามารถทำหน้าที่ได้ถึง 2 ตำแหน่งใน Part of speech นั่นคือ Preposition และ Conjunction

ซึ่งทำให้หลักการใช้ for แตกต่างไปตาม Part of speech ในประโยค โดยเมื่อ for ทำหน้าที่เป็น Preposition จะทำหน้าที่บอกเหตุผล บอกเวลา บอกเหตุผลว่าทำเพื่อใคร รวมถึงใช้ร่วมกับคำกริยาอื่นๆ ในขณะที่เมื่อใช้ for ทำหน้าที่เป็น conjunction หรือคำสันธาน จะสามารถเชื่อมประโยคสองประโยคเข้าด้วยกันได้

ส่วนใหญ่แล้วเราจะพบการใช้ for ที่ทำหน้าที่เป็น Preposition เสียมากกว่า (ซึ่งทำให้เราคิดว่ามันเป็นได้แค่ Preposition นั่นเอง ทั้งที่ for สามารถเป็น conjunction ได้) เราลองมาดูตัวอย่างการใช้ for กันเลยครับ

1) การใช้ for เชื่อมประโยค

For นั้นเป็นหนึ่งใน Coordinating conjunction ที่เรามักจะเรียกกันว่า FANBOYS ครับ ซึ่งย่อมาจาก For, And, Nor, But, Or, Yet, SO โดยเจ้าแฟนบอยนี้มีความสามารถในการเชื่อมประโยคใจความสมบูรณ์ 2 ประโยค (Independent clause) เข้าด้วยกัน

เมื่อเราใช้ for เป็นคำสันธาน for จะมีความหมายเดียวกันกับ because ครับ ซึ่งการใช้ for แบบนี้เราจะใช้เพื่อบอกเหตุผลว่าทำไมประโยคแรกเกิดขึ้นในประโยคที่สอง

โครงสร้างประโยคการใช้ for ในประโยค
ตัวอย่างการใช้ for เชื่อมประโยค

2) การใช้ for ขึ้นต้นประโยค

เราสามารถใช้ for ขึ้นต้นประโยคด้วยการใช้ for ทำหน้าที่ conjunction ในประโยคที่สองเพื่อเชื่อมไอเดียของสองประโยคเข้าด้วยกัน แบบประโยคด้านล่างครับ

ตัวอย่างการใช้ for ขึ้นต้นประโยค

แต่ For ขึ้นต้นประโยคที่เราเห็นกันบ่อยๆ นั้นมักจะถูกใช้เป็น Transition word หรือคำเชื่อมให้ไอเดียของสองประโยคเชื่อมต่อกัน (แต่ไม่ใช่การเชื่อมประโยคด้วย conjunction)

ตัวอย่างการใช้ for ขึ้นต้นประโยค

3) การใช้ for เพื่อบอกเวลา และ การใช้ for ใน Present perfect

เรามักจะใช้ for เพื่อบอกว่าเหตุการณ์หรือการกระทำของเรานั้นกินเวลาไปนานเท่าไหร่ (Duration) โดยเราจะใช้ for ทำหน้าที่เป็น Preposition ครับ

ตัวอย่างการใช้ for เพื่อบอกเวลา

นอกจากนี้การใช้ for นั้นยังถูกใช้บ่อยครั้งใน Present perfect เพื่อบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและมีผลจนถึงปัจจุบันครับ เราลองมาดูโครงสร้างและตัวอย่างการใช้ for กันเลย

โครงสร้างประโยคการใช้ for ใน Present perfect
ตัวอย่างการใช้ for ใน Present perfect
ข้อควรระวัง !

ระวังระหว่างการใช้ for กับการใช้ in ให้ดีครับ ลองดูตัวอย่างนี้

We’re going to self-study English for two months. (แปลว่าเราจะใช้เวลาเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองเป็นเวลา 2 เดือน)

We’re going to self-study English in two months. (แปลว่าในอีกสองเดือน เราจะเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง)

4) การใช้ for เพื่อบอกวัตถุประสงค์ของการกระทำ

ผมคิดว่าการใช้ for ในกรณีนี้เป็นการใช้ for ที่ใช้บ่อยที่สุดครับ โดยเราจะใช้ for ทำหน้าที่เป็น Preposition ในประโยคเพื่อบอกวัตถุประสงค์ของการกระทำ

ตัวอย่างการใช้ forเพื่อบอกวัตถุประสงค์ของการกระทำ

5) การใช้ for เพื่อบอกว่าทำเพื่อใคร

เราใช้ for เป็น preposition ในประโยคเพื่อกล่าวถึงการให้บางอย่างกับใคร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกรณีที่เราพบได้ค่อนข้างบ่อยครับ

ตัวอย่างการใช้ forเพื่อบอกวัตถุประสงค์ของการกระทำ

การใช้ since พร้อมตัวอย่างประโยค

Since เองก็มีความคล้ายกับการใช้ for เลย นั่นก็คือทำหน้าที่ได้สองตำแหน่งของ Part of speech คือ Preposition และ Conjunction ครับ

1) การใช้ since บอกเหตุผล

การใช้ since แบบนี้จะเป็นการใช้ since ทำหน้าที่ subordinating conjunction เพื่อบอกเหตุผลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ โดยประโยคที่ตามหลัง since มักจะเป็นประโยคใจความรอง หรือที่เราเรียกกันว่า “subordinating clause” หรือ “dependent clause” ครับ

โครงสร้างประโยคการใช้ since บอกเหตุผล
ตัวอย่างประโยคการใช้ since บอกเหตุผล

2) การใช้ since บอกเวลา

Since มักจะถูกใช้เพื่อกล่าวถึงเรื่องราวในอดีต โดยเราจะใช้ since ทำหน้าที่ Preposition ตามด้วยวันที่ เวลา หรือนามวลี (Noun phrase) ตามโครงสร้างด้านล่างนี้เลยครับ

ตัวอย่างประโยคการใช้ since บอกเวลา

นอกจากนี้เราสามารถใช้ since ทำหน้าที่ Adverb of time เพื่อบอกเวลาในกรณีที่เราเข้าใจว่าบริบทของประโยคว่ากำลังพูดถึงช่วงเวลาไหน

ตัวอย่างประโยคการใช้ since บอกเวลา

จากตัวอย่างเราจะเข้าใจว่า since ท้ายประโยคหมายถึงช่วงเวลาที่พี่น้องสองคนทะเลาะกัน เลย since then เป็นการอ้างอิงถึงช่วงเวลาที่เรียนภาษาอังกฤษในปี 2000 ครับ    

3) การใช้ since ใน present perfect tense

เราใช้ since เมื่อเราต้องการเล่าถึงเหตุการณ์หรือการกระทำของเราในอดีต โดยโครงสร้างประโยค

โครงสร้างประโยคการใช้ since ใน Present perfect tense
ตัวอย่างประโยคการใช้ since ใน Present perfect tense

นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ since กับ it + be + time + since ซึ่งเป็นสำนวนที่เราใช้เป็นภาษาพูดได้ด้วยครับ

โครงสร้างประโยคการใช้ since ใน expression
ตัวอย่างประโยคการใช้ since ใน expression

ในบางครั้งเราต้องการจะสื่อว่า เหตุการณ์ในอดีตที่ดำเนินถึงปัจจุบันยังส่งผลกระทบอยู่ เช่น ตั้งแต่ฉันเริ่มกลับมาเรียนภาษาอังกฤษ ฉันรู้สึกดีมากๆ (ตั้งแต่เริ่มเรียนมา จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกดีอยู่) เราจะใช้ Present Perfect เชื่อมด้วย Since และตามด้วย Present Perfect ครับ

โครงสร้างประโยคการใช้ since ใน Present perfect
ตัวอย่างประโยคการใช้ since ใน Present perfect

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยๆ ในการใช้ for กับ since

เราจะใช้ Since เฉพาะจุดใดจุดนึงของช่วงเวลาเท่านั้น ในขณะที่การใช้ for จะใช้กับช่วงเวลา

โครงสร้างประโยค since กับ for
ตัวอย่างที่ถูก
ตัวอย่างที่ผิด

สรุปการใช้ for กับ since

จบกันไปแล้วสำหรับการใช้ for กับ since ครับ จริงๆ แล้วการใช้ since กับ for ยังมีอีกหลายส่วนที่ผมตั้งใจอยากทำให้ดีกว่านี้ (ไว้ผมจะมาอัพเดทเพิ่มเติมครับ) แต่ผมเชื่อว่าบทความนี้จะช่วยให้เราเข้าใจหลักการใช้ for กับ since มากขึ้นครับ

ผมทำ Jasper & Reader เพื่อแชร์ความรู้ภาษาอังกฤษที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองขณะเตรียมตัวสอบ IELTS และ GRE เพื่อเรียนต่อต่างประเทศครับ ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนครับ