Conjunctive adverb คือ? คำเชื่อมสุดฮิตที่จริงๆ แล้วไม่ใช่ Conjunction

เลือกอ่านตามหัวข้อ

Conjunctive adverb คือ ?

Conjunctive adverb คือ คำกริยาวิเศษณ์ที่สามารถทำหน้าที่เป็นคำเชื่อมภาษาอังกฤษ หรือ Transition word ที่สามารถเชื่อมไอเดียของสองประโยคเข้าด้วยกันได้ 

แต่ทั้งนี้ Conjunctive adverb นั้นมีหลักการใช้ที่แตกต่างจาก Conjunction แบบปกติ หลากหลายที่ก็ว่า Conjunctive adverb เป็น Conjunction แต่บางที่ก็ว่าไม่ใช่ 

ส่วนตัว ผมคิดว่า Conjunctive adverb นั้นไม่ใช่ Conjunction ครับ แต่เป็น Adverb หรือ คำกริยาวิเศษณ์ที่สามารถทำหน้าที่ “เชื่อมไอเดีย” ของสองประโยคได้เพราะความหมายของตัวคำศัพท์เอง

ถ้า Conjunctive adverb ไม่ใช่ Conjunction แล้วสรุป Conjunctive adverb มันมีหลักการใช้ยังไง? แล้ว คำศัพท์ที่เป็น Conjunctive adverb มีอะไรบ้าง? เรามาดูกันเลยครับ

Conjunctive adverb มีอะไรบ้าง?

Conjunctive adverb นั้นมีหลากหลายคำมากครับ โดยถ้าแบ่งเป็นหมวดหมู่ย่อยๆ จะสามารถแบ่งได้ทั้งหมด 8 ประเภทตามตารางนี้เลยครับ (ใครดูในโทรศัพท์สามารถปัดขวาเลื่อนดูได้เลยครับ)

แสดงเหตุและผลลำดับขั้นตอนเวลาความขัดแย้งเน้นย้ำสรุปยกตัวอย่างเปรียบเทียบ
accordinglyfirst/nextbeforehoweverindeedIn conclusionfor instancejust as
consequentlyfinallyafterinsteadof courseIn summaryfor examplesimilarly
thereforefurthermoremeanwhilein spite ofcertainlytypically
thenin additionsinceratherdefinitely
nowon the other hand

แต่ละประเภทก็จะมีหลักการใช้คล้ายๆ กันครับ เราลองมาดูหลักการใช้ Conjunctive adverb กันเลย

หลักการใช้ Conjunctive adverb

Conjunctive adverb มีหลักการใช้ 3 แบบ คือ การเชื่อมไอเดียของสองประโยคเข้าด้วยกัน, ใช้แทรกไอเดียเล็กๆ ระหว่างประโยค (Interrupter) และ เชื่อม Independent clause สองประโยคเข้าด้วยกันผ่านการใช้ Semicolon

1) เชื่อมไอเดียของสองประโยคเข้าด้วยกัน

Conjunctive adverb ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับ “สะพาน” ที่ช้วยให้ไอเดียที่เราต้องการสื่อสารลื่นไหล สามารถเข้าใจไอเดียระหว่างประโยคได้ดีขึ้น

ตัวอย่าง

Self-studying English is great. It required determination to stay motivated

การเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม การเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองจำเป็นต้องมีปณิธานเพื่อมีแรงบันดาลใจในการเรียน 


Self-studying English is great. However, it required determination to stay motivated

การเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ดี การเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองจำเป็นต้องมีปณิธานเพื่อมีแรงบันดาลใจในการเรียน 

รู้สึกได้เลยใช่ไหมครับว่า ไอเดียมีการเชื่อมโยงกันมากขึ้น รวมถึงมีความลื่นไหลขึ้นด้วยว่าประโยคแรกกับประโยคที่สองเชื่อมโยงกันยังไง

การใช้ Conjunctive adverb ในลักษณะนี้เป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ ในการเขียน Essay โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสอบ IELTS ที่หากเราจะได้คะแนนที่ดี เราต้องแสดงทักษะด้านการเขียนภาษาอังกฤษของเราผ่านการเขียนครับ

2) ใช้ Conjunctive adverb เป็น Interrupter

Interrupter คือ การแทรก “ไอเดียเล็กๆ” เข้าไประหว่างประโยค ช่วยให้สื่อถึงอารมณ์ของประโยค หรือเพื่อเน้นย้ำความสำคัญของไอเดียในประโยคนั้นๆ ครับ 

ในกรณีนี้ เราสามารถนำ Conjunctive adverb ไปแทรกตรงกลางประโยคเพื่อให้ไอเดียที่เราต้องการจะสื่อสารเด่นขึ้นครับ

Self-studying English, however, required determination to succeed.

3) เชื่อม Independent clause สองประโยคด้วยกันด้วย Semicolon

การเชื่อม Independent clause สองประโยคเข้าด้วยกันจำเป็นต้องใช้ Conjunction หรือคำสันธานภาษาอังกฤษ ร่วมกับการใช้ comma เพื่อให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์

อย่างไรก็ดี Conjunctive adverb นั้นไม่ใช่ Conjunction ครับ 

ตรงนี้สำคัญมากๆ และเป็นจุดที่ทำให้หลายๆ คนสับสน จนทำให้ไม่เข้าใจหลักการใช้ Conjunction และการใช้ comma ครับ

Conjunctive adverb คือ Adverb ที่ทำหน้าที่คล้ายกับ Conjunction ในแง่ของการเชื่อมประโยคเข้าด้วยกัน

แต่สิ่งที่เชื่อมกันจริงๆ อย่างที่เราเห็นกันไปในหลักการใช้ข้อแรก คือ “การเชื่อมไอเดียระหว่างประโยค” ในขณะที่การเชื่อมประโยคตามหลักไวยากรณ์ด้วยคำสันธานภาษาอังกฤษจะเป็นการเชื่อมประโยคสองประโยคเข้าเป็นประโยคเดียวจริงๆ ครับ

I want to study abroad. However, my English proficiency is too low.

I want to study abroad, but my English proficiency is too low.

จะเห็นว่าประโยคแรก ผมใช้ However เป็น Conjunctive adverb เชื่อมไอเดียของสองประโยคให้เข้ากันเป็นไอเดียเดียว

จาก “ฉันอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ” กับ “ทักษะภาษาอังกฤษของฉันต่ำเกินไป” เป็นไอเดียเดียวกันคือ “ฉันอยากเรียนต่อต่างประเทศ แต่ทักษะภาษาอังกฤษของฉันต่ำเกินไป”

เราจะเห็นว่าไอเดียนี้ยังถูกนับว่าเป็นสองประโยคอยู่จากการใช้ Period (จุด full-stop) ในขณะที่ตัวอย่างที่สอง ผมใช้ but เป็นคำสันธานภาษาอังกฤษ ในการเชื่อมประโยคเข้าด้วยกันเป็นประโยคเดียวร่วมกับการใช้ comma ครับ

ดังนั้น Conjunctive adverb ไม่สามารถเชื่อมสองประโยคเข้าด้วยกันได้แบบ Conjunction ทั่วไป แต่หากเราต้องการเชื่อม Independent clause สองประโยคเข้าด้วยกันจริงๆ สิ่งที่เราสามารถใช้ได้คือ การใช้ semicolon ครับ เช่น

I want to study abroad; However, my English proficiency is too low.

ประโยคแบบตัวอย่างนี้จะเป็นการเชื่อมสองประโยคเข้าด้วยกันด้วย Conjunctive adverb ครับ โดยประโยคที่สร้างขึ้นมาในลักษณะนี้จะกลายเป็นประโยคความรวมภาษาอังกฤษ หรือ Compound sentence ครับ

ผมมีโครงสร้างที่ทุกคนสามารถนำไปได้เลย กับการเขียน essay ครับ

โครงสร้างการใช้ Conjunctive adverb โดยใช้ Semicolon

[Independent clause] + [semicolon] + [conjunctive adverb] + [comma] + [independent clause]

ตัวอย่างการใช้ Conjunctive Adverb ใน Essay พร้อมตัวอย่างประโยค

Conjunctive adverb สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายบริบทมากๆ ครับ โดยส่วนมากแล้วจะแบ่งได้ทั้งหมด 8 ประเภท เท่ากับจำนวนประเภทคำศัพท์ Conjunctive adverb เลยครับ จะนำไปใช้ในการเขียน essay ยังไงได้บ้าง มาดูกันเลย 

1) แสดงเหตุและผล (Cause and effect)

Conjunctive adverb ประเภท Cause and effect เช่น Thus, therefore, hence สามารถใช้ใน essay ของเราได้ตามตัวอย่างนี้ครับ

A Good study habit is one of the key success factors for self-studying English. Thus, we should set aside time each day to study.

การมีนิสัยการเรียนที่ดีเป็นหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ดังนั้น เราควรจัดเวลาว่างในทุกๆ วันสำหรับการเรียน


English is a widely spoken language; therefore, it is essential to learn it to open up many opportunities for self-development.

ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่มีการใช้อย่างกว้างขวางในการสื่อสาร ดังนั้น หากอยากเปิดโอกาสตัวเองในการพัฒนาตัวเอง การเรียนภาษาอังกฤษจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

2) แสดงลำดับขั้นตอน (Sequence)

Conjunctive adverb ประเภท Sequence เช่น First, second, finally, moreover สามารถใช้ใน essay ของเราได้ตามตัวอย่างนี้ครับ

First, Learning English is about having a good mindset. Second, it is about practicing regularly.

ขั้นแรก การเรียนภาษาอังกฤษคือการมีมายเซ็ทที่ดี ขั้นที่สอง การเรียนภาษาอังกฤษคือการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ


Learning English requires you to spend a significant amount of time on Grammar. Moreover, you need to know about vocabulary as well.

การเรียนภาษาอังกฤษจำเป็นที่คุณจะต้องใช้เวลากับไวยากรณ์อย่างมีนัยยะสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังต้องรู้เกี่ยวกับคำศัพท์อีกด้วย

3) แสดงเวลา (Time)

Conjunctive adverb ประเภท Time เช่น Now, since สามารถใช้ใน essay ได้แบบนี้ครับ 

When I self-study English at first, I felt overwhelming. Now, I feel more comfortable with the language.

ตอนที่ฉันเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างถาถมมาให้ฉัน พอมาถึงตอนนี้ฉันรู้สึกดีกับภาษาอังกฤษมากขึ้น

4) แสดงความขัดแย้ง (Contrast)

เราสามารถใช้ Conjunctive adverb เช่น การใช้ however, although, otherwise เพื่อแสดงความขัดแย้งใน essay ของเราดังนี้

Learning English can be challenging; however, it can be solved easily with your determination.

การเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่ท้าทาย อย่างไรก็ดี มันเป็นปัญหาที่แก้ได้ไม่ยากด้วยปณิธานของคุณ


It’s crucial to set achievable goals when self-studying English. Otherwise, you may become discouraged if your goal is not feasible.

การตั้งเป้าหมายที่เป็นได้นั้นสำคัญอย่างมากต่อการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง มิฉะนั้น คุณอาจรู้สึกเสียกำลังใจได้ถ้าเป้าหมายของคุณไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้


In spite of the difficulties you might encounter while learning English, it is considered one of the most worthwhile skills for your career.

แม้ว่า คุณเจออุปสรรคระหว่างการเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษก็ยังถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในทักษะที่มีคุณค่าที่สุดในหน้าที่การงานของคุณเลยก็ว่าได้

5) แสดงการเน้นย้ำ (Emphasis)

Indeed, definitely, ultimately และ conjunctive adverb อื่นๆ ในประเภทนี้สามารถนำมาใช้ได้ตามตัวอย่างนี้เลยครับ

Learning English, indeed, is a valuable skill that can open up tremendous opportunities.

การเรียนภาษาอังกฤษ จริงๆ แล้ว เป็นทักษะที่มีคุณค่าที่สามารถเปิดโอกาสให้กับเราได้อย่างมากมาย


Practicing English vocabulary everyday is, definitely, the best way to become fluent in the language.

การฝึกฝนคำศัพท์ภาษาอังกฤษทุกวัน คือ วิธีที่ดีที่สุดแน่ๆ ที่จะช่วยให้เรามีความคล่องแคล่วด้านภาษาอังกฤษ

อย่างไรก็ดี คำในประเภท Emphasis อย่างเช่น Indeed สามารถใช้เพื่อสร้างประโยคเชิงขัดแย้ง หรือที่เราเรียกว่า Concessive clause ได้ด้วย

เช่น Indeed, learning can be difficult, but you should not give up easily. (แน่นนอนว่าการเรียนเป็นสิ่งที่ยาก แต่คุณก็ไม่ควรยอมแพ้ง่ายๆ นะ!)

6) สรุปเนื้อหา (Summarize)

In conclusion และ in summary เป็นคำที่ใช้ค่อนข้างบ่อยใน essay เพื่อสรุปเนื้อหา essay ของเราทั้งหมด

In conclusion, self-studying English to improve your proficiency is possible by practicing it everyday.

กล่าวโดยสรุป การเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเป็นไปได้ด้วยการฝึกฝนทุกๆ วน

7) ยกตัวอย่าง (illustrate)

You can self-study English to improve your proficiency; for instance, you can memorize vocabulary before bed regularly.

คุณสามารถเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองเพื่อพัฒนาทักษะ ยกตัวอย่างคือการท่องศัพท์ก่อนนอนเป็นประจำ


Everybody can learn English. Typically, it starts by memorizing basic English vocabulary and basic Grammar rules.

ทุกคนสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้ โดยทั่วไปแล้ว การเรียนภาษาอังกฤษสามารถเริ่มได้ด้วยการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษและกฏไวยากรณ์พื้นฐาน

8) เปรียบเทียบ (Comparison)

Professional sport players need to practice everyday. Similarly, learning English requires you to do the same.

คนที่เล่นกีฬาเป็นอาชีพจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนทุกวัน ภษาอังกฤษเองก็ต้องฝึกฝนทุกวันเหมือนกัน


Just as with any other skills, learning English requires time, effort, and determination.

เรียนภาษาอังกฤษต้องใช้เวลา ความพยายาม และปณิธานอันแรงกล้า เหมือนกับการเรียนทักษะอื่นๆ

สรุป Conjunctive Adverb

Conjunctive adverb เป็นคำศัพท์ที่มีความสามารถในการเชื่อมไอเดียระหว่างสองประโยคเข้าด้วยกัน

การใช้ Conjunctive adverb ร่วมกับการใช้ Semicolon ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้เราใช้ภาษาได้สละสลวยขึ้น สื่อสารได้เข้าถึงคนอ่านมากขึ้น ผ่านการเปรียบเทียบ การบอกลำดับ การบอกเวลา การเน้นย้ำ หรือแม้กระทั่งการบอกเหตุและผล

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองนะครับ