หลักการใช้ Independent clause กับ dependent clause พร้อมตัวอย่าง

เลือกอ่านตามหัวข้อ

จะดีแค่ไหนกันนะ ถ้าเราเองก็เขียน essay ที่ยอดเยี่ยม และมีสไตล์ที่โดดเด่นถูกใจคนอ่านได้?

Independent clause กับ dependent clause เป็นรากฐานสำคัญของการเขียน essay ที่ดี และหากเราไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับ independent clause กับ dependent clause ละก็

  • เขียน essay ผิดหลักไวยากรณ์โดยไม่รู้ตัว 
  • สร้างประโยคที่มีโครงสร้างซับซ้อนไม่ได้
  • ถ้ากำลังเตรียมสอบ IELTS หรือ GRE ก็เป็นไปได้ยากที่จะทำพาร์ท Writing ได้คะแนนสูงๆ 

ดังนั้น Jasper & Reader อยากจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจ independent กับ dependent clause ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร? ช่วยให้เราเขียนยังไงได้ดีขึ้นได้ยังไง? ถ้าพร้อมแล้ว มาดูกันเลยครับ

Independent clause คืออะไร? พร้อมตัวอย่างประโยค

Independent clause คือ ประโยคหลักที่ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบสำคัญ คือ ประธาน (Subject) กริยา (Verb) และมีใจความสมบูรณ์ในตัวเอง เราอ่านปุ้บ เข้าใจปั้บว่าประโยคนี้ต้องการสื่ออะไรโดยที่ไม่ต้องอ่านประโยคอื่นต่อ

ให้เราจำไว้ว่า คำว่า Independent แปลเป็นไทยมีความหมายว่า “อิสระ” ครับ ดังนั้น ประโยคนี้สามารถสื่อสารได้อย่างอิสระไม่ต้องพึ่งพาประโยคอื่น

หลายๆ ที่มักจะเรียก Independent clause ว่า Main clause ครับ ดังนั้นไม่ต้องสับสนว่ามันต่างกันไหม เพราะจริงๆ แล้วมันคือสิ่งเดียวกันครับ

ภาษาไทยมีหลากหลายคำมากที่ใช้เพื่อแปลความหมายของ Independent clause แต่ผมคิดว่า “ประโยคหลัก” เป็นคำที่เหมาะกับการเรียก Independent clause หรือ Main clause ที่สุด (และจำง่ายกว่า “อนุประโยคอิสระ” เยอะมากๆ เลยด้วยครับ)

ตัวอย่างประโยค Independent clause

Jasper & Reader is a website for self-studying English.

(Jasper & Reader เป็นเว็บไซต์สำหรับการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง)

จะเห็นได้ว่า ประโยคตัวอย่างนี้เราอ่านแล้วสามารถเข้าใจได้ทันทีว่า Jasper & Reader คือเว็บไซต์สำหรับการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง

Independent clause ใช้ยังไง?

Independent clause ก็เหมือนประโยคปกติทั่วไป ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยใช่ไหมครับ แต่สิ่งสำคัญคือ independent clause นั้นเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างประโยคที่ซับซ้อนมากขึ้น (และสวยงามสะดุดตาคนอ่านมากขึ้น)

ซึ่ง independent clause เป็นส่วนสำคัญในการสร้างประโยค 3 ประเภทครับ Complex sentence, Compound sentence และ Compound-complex sentence ซึ่งเกิดจากการผสมผสานระหว่าง Independent clause กับ dependent clause เข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาด แต่ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจเกี่ยวกับ dependent clause ก่อนว่ามันคืออะไร

Dependent clause คืออะไร? พร้อมตัวอย่างประโยค

Dependent clause คือ ประโยคย่อยที่ประกอบไปด้วยประธานและกริยา แต่ไม่สามารถสื่อความหมายของตนเองได้อย่างสมบูรณ์ ต้องพึ่งพาประโยคอื่นเพื่อให้สามารถสื่อสารใจความได้อย่างสมบูรณ์

คำว่า dependent แปลเป็นไทยมีความหมายว่า “ขึ้นอยู่กับ” หรือ “พึ่งพา” ดังนั้น dependent clause จึงเป็นประโยคที่ไม่สามารถอยู่เดี่ยวๆ ได้ และต้องพึ่งพาประโยคหลักอย่าง Independent clause เพื่อให้สามารถสื่อสารใจได้อย่างสมบูรณ์ครับ

หลายๆ ที่มักจะใช้คำว่า subordinate clause แทน dependent clause ซึ่งทำให้หลายๆ คนสับสนได้ แต่จริงๆ แล้วมันคือสิ่งเดียวกันเลยครับ ในภาษาไทยเราจะเรียกมันว่า “อนุประโยคไม่อิสระ” (ซึ่งอ่านแล้วงงหนักกว่าเดิม เพราะงั้นผมว่าจำภาษาไทยว่า “ประโยคย่อย” หรือจำเป็นภาษาอังกฤษไปเลยดีกว่าครับ)

Dependent clause มีอะไรบ้าง?

Dependent clause มีทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ Noun clause, Relative clause และ Adverbial clause ซึ่งทั้งสาม clause นี้เป็นประโยคย่อยที่ไม่สามารถสื่อสารใจความได้อย่างสมบูรณ์และต้องพึ่งประโยคหลักเพื่อสื่อสารใจความ

ตัวอย่างประโยค dependent clause

Because I self-study English at Jasper & Reader website

(เป็นเพราะว่าฉันเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองที่เว็บไซต์ Jasper & Reader

อ่านแล้วรู้สึกเหมือนขาดๆ อะไรไหมครับ นี่แหละครับคือความหมายของ dependent clause ที่ว่าทำไมถึงไม่สามารถสื่อใจความได้สมบูรณ์

เราอ่านเสร็จเรารู้สึกว่าเหมือนมันต้องมีอะไรต่อ ทำไมประโยคนี้เหมือนคนที่พูดอะไรสักอย่าง แต่พูดไม่หมด?

ในกรณีนี้เหมือนกับประโยคนี้ต้องการบอกผลลัพธ์จากการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง (แต่ก็ไม่เห็นบอกสักที!)

เราจะเรียก dependent clause ที่อยู่โดดๆ แบบนี้ว่า Sentence fragment ครับ ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยมากๆ หากเราไม่เข้าใจเรื่อง dependent clause

ยิ่งไปกว่านั้น ผมคิดว่าความยากของ dependent clause คือการแยกแยะให้ออกว่าประโยคไหนคือ dependent clause และอันไหนคือ independent clause ครับ เราลองมาดูกันครับว่าต้องดูยังไง

Dependent clause ดูยังไง? แล้วจะใช้อย่างไรให้ถูกหลักไวยากรณ์

Dependent clause ส่วนใหญ่มักจะมีสิ่งที่เหมือน “ป้ายกำกับ” ว่า นี่นะ ฉันคือประโยคย่อย ซึ่งป้ายกำกับที่ว่านี้คือคำเชื่อมที่มักจะอยู่กับ dependent clause เสมอครับ เราเรียกคำเหล่านี้ว่า Dependent marker word ตัวอย่างเช่น who, when, where, when, because, before, after เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ปัญหาสำคัญที่หลายๆ คนเจอ คือ แล้ว dependent clause ดูยังไง? จริงๆ แล้ว ผมเชื่อว่าหลายๆ คนไม่ใช่ว่าไม่รู้ความแตกต่าง แต่ว่าสิ่งที่เป็นปัญหาของการดู dependent clause คือ “ความกำกวม” ครับ ลองดูตัวอย่างนี้กัน

The person is nice to me.

สรุปแล้วประโยคนี้เป็น dependent clause หรือ independent clause? เพราะถ้าอิงตามทฤษฎีก็เป็นได้ทั้งสองอย่าง มีทั้งประธานและกริยา แต่กำกวมในแง่ที่ว่าสรุปแล้วสามารถสื่อใจความสมบูรณ์ได้หรือไม่?

ผมคิดว่าคำตอบคือแบบนี้ครับ ถ้าเรารู้ “บริบท” ของประโยคนี้ว่า The person อ้างอิงถึงใคร ประโยคนี้สามารถเป็น independent clause ได้

แต่!! อันนี้สำคัญมากครับ ประโยคนี้ไม่ได้ทดสอบในเรื่องของ dependent clause เท่านั้น แต่เป็นการทดสอบการใช้ Relative pronoun

ประโยคนี้ถ้าอยู่โดดๆ แบบนี้ ผมจะนับว่าเป็น dependent clause เพราะเราไม่รู้ The person เป็นใครครับ แต่ถ้าเป็นตัวอย่างด้านล่างละก็

The person [who I met at the supermarket] is nice to me.

[A man] helped me carry the stuff I bought at the supermarket. The person is nice to me.

ถ้าดูจากประโยคนี้ เรารู้เลยว่านี่แหละ Independent clause ชัวร์ๆ เพราะเรารู้ว่า The person คือ The man ที่เจอกันที่ Supermarket นะ

แต่เพราะประโยคตัวอย่างก่อนหน้าหยิบเอา “บริบท” หรือข้อมูลเกี่ยวกับ The person ออกไป ทำให้เราไม่มั่นใจว่า สรุปแล้วมัน dependent clause หรือ independent clause กันแน่

จะเห็นได้เลยว่าตัวอย่างนี้ไม่ได้อ้างอิงแค่เรื่องของทฤษฎีที่เกี่ยวกับ independent clause กับ dependent clause เท่านั้น แต่โยงไปถึงเรื่องของการใช้ Relative pronoun เพื่อทำให้ประโยคกำกวมและแยกออกได้ยากว่าประโยคไหนเป็น dependent ประโยคไหนเป็น independent กันแน่

ลองดูอีกตัวอย่างนึงครับ

The class I’m taking focusing on advanced grammar and vocabulary for IELTS.

ประโยคนี้อันไหนเป็น dependent clause กันนะ? ไม่มีทั้งคำที่บ่งบอกว่าเป็น dependent clause เลย แถมบริบทก็ไม่มีให้ด้วย หรือว่าจะเป็น Independent clause

คำตอบคือทั้งประโยคนี้คือ dependent clause เลยครับ จริงๆ แล้วมันคือ Sentence Fragment เลยด้วยครับ เพราะมีเพียงประธานแค่ตัวเดียว คือ The class I’m taking นั่นเอง และประโยคส่วนที่เหลือ “Focusing on advanced grammar and vocabulary for IELTS.” คือ dependent clause ที่เราเรียกว่า Relative clause ที่ทำหน้าที่เป็น Adjective ขยายประธาน The class ครับ

จะเห็นได้ว่าบางทีแค่บริบทก็ไม่พอจริงๆ ครับ สิ่งที่เราต้องเข้าใจคือ Parts Of Speech และ Dependent clause ประเภทต่างๆ ว่าทำหน้าที่ Part of speech อะไรในประโยคนั่นเอง

มาถึงตรงนี้ ผมจึงอยากสรุปหลักการดู dependent clause ไว้ 3 ข้อดังนี้ เพื่อให้เรารับมือกับการแยกแยะ dependent clause กับ independent clause ได้ครับ

1) Dependent clause marker หรือ Subordinating conjunction

Dependent clause ส่วนใหญ่นั้นมักจะมีสิ่งที่เหมือน “ป้ายกำกับ” ว่า นี่นะ ฉันคือประโยคใจความรอง ซึ่งป้ายกำกับที่ว่านี้คือคำเชื่อมที่มักจะอยู่กับ dependent clause เสมอครับ เราเรียกคำเหล่านี้ว่า Dependent clause marker ตัวอย่างเช่น who, when, where, when, because, before, after เป็นต้น

  • When I grow up,
  • Because I self-studied English at Jasper & Reader

ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าพอมีคำที่เป็น dependent clause marker เข้ามา ทำให้เรารู้สึกว่าต้องการอีกประโยคนึง (ที่เป็น Independent clause) เพื่อให้ใจความสมบูรณ์ครับ

ถ้าเราเอาเจ้า dependent marker word นี้ออก ประโยคนี้ก็จะเป็น independent clause ทั่วไปเลยครับ ดังนั้นหลายๆ ที่จึงนำเจ้า dependent marker word นั้น มาใช้สอนเรื่อง dependent clause ให้เราเข้าใจง่ายขึ้น

แต่จริงๆ แล้ว ชื่อของเจ้า dependent marker word คือ Subordinating conjunction ครับ ซึ่งหมายถึง Conjunction ที่สามารถเชื่อมประโยคสองประโยคเข้าด้วยกันได้

แต่เพื่อให้การสอนไม่สับสนวุ่นวายกับหัวข้ออื่นๆ ในภาษาอังกฤษ อย่างเรื่อง conjunction ผู้สอนหลายๆ คนจึงเรียกมันว่า dependent marker word แทน subordinating conjunction นั่นเอง

2) บริบท

ความยากของการดูว่าประโยคไหนเป็น dependent clause คือเรื่องของบริบทครับ หลายๆ ครั้งเรามักจะได้รับคำแนะนำว่า ถ้าประโยคไหนอ่านแล้วรู้สึกเหมือนขาดๆ อะไรไป แปลว่านั่นคือ dependent clause ซึ่งผมคิดว่าไม่จริงเสมอไป และนั่นอาจทำให้เราขุดหลุมฝังตัวเองในการทำข้อสอบอีกด้วย

สิ่งที่ผมแนะนำเพิ่มเติมคือการดูบริบทครับ หมายความว่า เราดูจากรูปประโยคว่ามันมี dependent marker word ไหม? ระบุได้ไหมว่า ประธานจริงๆ แล้วเป็นใคร? (รู้แน่นะว่า the person เป็นใคร) ถ้าสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้จะช่วยให้เราแยกได้ว่าประโยคนี้แหละคือ dependent clause

3) Part of Speech

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือ Part of Speech ครับ เราต้องเข้าใจว่าแต่ละส่วนในประโยคทำหน้าที่อะไร บางประโยคที่เหมือน Independent clause อาจจะเป็น dependent clause 

หลักการใช้ dependent clause

เรารู้กันแล้วว่า dependent clause ไม่สามารถสื่อใจความออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นหลักการสำคัญเกี่ยวกับการใช้ dependent clause คือ การใช้ร่วมกัน Independent clause ครับ

  • When I grow up [dependent clause], I want to be a computer scientist [Independent clause]. 

จะเห็นได้ว่าจากประโยคนี้ มี dependent marker word “When” เพื่อบอกว่าประโยคนี้คือ dependent clause และตามมาด้วยการใช้ comma เพื่อเชื่อม Independent clause ในกรณีนี้คือ I want to be a computer scientist เข้าเป็นประโยคเดียว

เราเรียกหลักการนี้ว่า “การเชื่อมประโยค” ครับ เพราะว่า dependent clause ไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง เราจึงต้องทำการเชื่อม dependent clause เข้ากับ independent clause ผ่านการใช้ conjunction (ในกรณีนี้คือ subordinating conjunction “When”) เพื่อให้ประโยคสื่อความหมายได้สมบูรณ์นั่นเอง

หลักการใช้ Independent clause กับ dependent clause ยังไงให้ essay ปัง?

Independent clause กับ dependent clause เป็นองค์ประกอบสำคัญของการเขียน essay ที่ดี เพราะการเขียนภาษาอังกฤษที่ดีมักจะประกอบไปด้วย Complex sentence และ Compound sentence ครับ

นั่นเป็นเพราะว่า Complex sentence และ Compound sentence ถูกสร้างขึ้นด้วย independent clause กับ dependent clause นั่นเอง โดยเราจะสร้าง Complex sentence ด้วยการใช้ dependent clause กับ independent clause ในขณะที่ Compound sentence นั้นเกิดจากการใช้ Independent clause สองอันมาสร้างเป็นประโยคใหม่ครับ เราลองมาดูตัวอย่างกัน

ประโยคปกติ

Jasper & Reader is a website for self-studying English. It make English knowledge more accessible to Thais.

Compound sentence

Jasper & Reader is a website for self-studying English, so English knowledge is more accessible to Thais.

Complex sentence

Because Jasper & Reader is a website for self-studying English, English knowledge is more accessible to Thais.

จะเห็นได้ว่าประโยคที่เป็น Complex sentence และ Compound sentence นั้นมีความโดดเด่นและมีมิติมากกว่าประโยคปกติเล็กน้อย

นั่นหมายความว่าถ้าเราชำนาญในการใช้คำและการพลิก compound และ complex sentence ละก็ การเขียน essay ให้โดนเด่นก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปครับ

สรุปความแตกต่าง Independent clause กับ dependent clause

independent clause คือ ประโยคหลักที่มีประธาน กริยา และสามารถสื่อความหมายได้สมบูรณ์ สามารถเข้าใจใด้โดยไม่ต้องพึ่งพาประโยคอื่น 

ในขณะที่ dependent clause คือ ประโยคใจความรอง ซึ่งแม้ว่าจะมีประธานและกริยาเหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถสื่อความหมายได้สมบูรณ์ เพราะต้องพึ่งพาประโยคอื่นๆ เพื่อให้เข้าใจความหมายโดยสมบูรณ์ ซึ่ง dependent clause มักจะมีคำเชื่อมต่างๆเช่น who what where before after because ฯลฯ อยู่ข้างหน้า

เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Independent clause กับ dependent clause

หัวข้อIndependent clauseDependent clause
ความหมายประโยคที่ประกอบไปด้วยประธาน กริยา และสามารถสื่อใจความได้อย่างสมบูรณ์ประโยคที่ประกอบไปด้วยประธาน กริยา แต่ไม่สามารถสื่อความหมายได้อย่างสมบูรณ์
โครงสร้างประโยคประธาน + กริยาประธาน + กริยา + [Dependent Marker word]

[Dependent Marker word] + ประธาน + กริยา
วิธีสังเกต1. ไม่มี dependent marker word

2. อ่านปุ้บ เข้าใจปั้บ ไม่ต้องพึ่งประโยคอื่น
1. มี dependent marker word

2. ดูจากบริบทว่ามีใจความสมบูรณ์ไหม

3. วิเคราะห์ทั้งประโยคว่าแต่ละส่วนทำหน้าที่ Part of Speech อะไร
การเชื่อมประโยคCoordinating conjunction (FANBOYS)

For, And, Nor, But, Or, Yet, So
Subordinating conjunction
(Dependent marker word)

what when who which because before after อื่นๆ

ผมทำบทความนี้ขึ้นมาเพราะผมเห็นยังไม่ค่อยมีคนทำแหล่งความรู้ภาษาอังกฤษแบบละเอียดไว้มากนะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองนะครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *