แบบนี้ผิด Grammar ไหมนะ? คำตอบคือ ผิดนะครับ อ้าวเห้ย! มันผิดตรงไหน?
คำตอบคือ ประโยค “I borrowed from the library last week ” เป็น Adjective clause ทำหน้าที่เป็น Adjective ขยายคำนาม “the book” ที่ทำหน้าที่เป็นประธาน
แต่ในประโยคนี้ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลยครับ ไม่มีคำกริยา ไม่มีกรรม นั่นทำให้ประโยคนี้เราเรียกว่า “Fragment” ซึ่งถือว่าผิดหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่ประโยคต้องมีประธาน และกริยานั่นเอง
ยากใช่ไหมครับ? ไม่แปลกเลยครับ ผมเองก็ผ่านมาเหมือนกัน ยากแต่ใช่ว่าจะเก่งขึ้นไม่ได้นะครับ
2. Logic
มีสองปัจจัยที่กรรมการใช้ในการให้คะแนน Essay เราครับ
- Coherence & Cohesion หรือ Flow การอ่าน (25%)
- Task Response – ตอบตรงคำถามไหม? (25%)
นั่นแปลว่า แม้เราจะเขียนถูกหลัก Grammar แค่ไหน จำศัพท์เทพๆ ได้มากมาย โครงสร้าง essay สุดเป๊ะ ก็ยังยากอยู่ดีที่จะทำคะแนนได้ดีถ้าเราเขียนอ่านเข้าใจยากและตอบไม่ตรงคำถาม
ดังนั้นการวางแผนเขียน essay สำคัญมากๆ ครับ การวาง outline essay ว่า essay เราจะมี Thesis statement อะไร และเอาอะไร Topic sentence มาสนับสนุน (ซึ่งผมจะอธิบายต่อในพาร์ทถัดไปครับ)
3. คําเชื่อมประโยค essay
สิ่งที่จะทำให้ Logic ของ Essay เราลื่นไหลถูกใจกรรมการ คือ การใช้คําเชื่อม ภาษาอังกฤษ และ Conjunction อย่างถูกทั้งบริบทและไวยากรณ์ครับ
ลองนึกเป็นภาษาไทยดูนะครับ ระหว่าง “ฉันกิน ฉันหิว” กับ “ฉันกิน เพราะ ฉันหิว” ประโยคไหนดูน่าฟังและลื่นไหลมากกว่ากัน ผมเชื่อว่าต้องเป็นอันที่สองแน่ๆ ใช่ไหมครับ นั่นเป็นเพราะว่า (ไม่ได้เล่นมุกนะครับ แฮร่ !) เรามีการใช้คำสันธาน “เพราะ” เชื่อมสองประโยคเข้าด้วยกันให้เป็นหนึ่งไอเดียนั่นเอง
ภาษาอังกฤษก็เหมือนกันครับ คำเชื่อม essay อย่าง Although, Because, Therefore, Thus หรือ คำสันธานภาษาอังกฤษอย่าง But, And, Or เป็นสิ่งที่จะทำให้การเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ Logic ลื่นไหล น่าอ่าน และทำให้ Essay เราคะแนนสูงขึ้นครับ
แต่แน่นอนว่าการใช้คำเชื่อมเหล่านี้มีหลักไวยากรณ์ที่เราต้องทำตาม ซึ่งผมจะเล่าให้ฟังอีกทีช่วงทริคครับ
หลักการเขียน Essay ที่ดี มีวิธีเขียนอย่างไร ?
นอกจากการเน้นเรื่องโครงสร้างกับวิธีเขียน essay แล้ว หลักการเขียนและวิธีเขียนเป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มโอกาสได้ IELTS Writing 7.0 เยอะขึ้นมากๆ ครับ
ขั้นตอนที่ 1 : วางแผน และ โครงสร้างให้เป๊ะ
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากๆๆๆ ไม้ยมก พร้อมกอไก่ล้านตัว และยิ่งเป็น IELTS Writing Task 2 ละก็ ผมบอกได้เลยว่าขั้นตอนนี้สำคัญที่สุดของการเขียน essay เลยครับ
หลายๆ คนไม่ยอมเสียเวลากับตรงนี้เพราะอยากไปทุ่มกับการเขียน Paragraph มากกว่า ซึ่งไม่ผิดครับ แต่ถ้าเราวางแผนไม่ดี ผมเชื่อเลยว่าต้องมีเปลี่ยนกลางคันแน่นอน สมัยผมสอบ GRE ผมใช้เวลากับตรงนี้ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ปรับ Thesis statement ไปมา ทำให้ต้องเปลี่ยน Paragraph สรุปไม่ได้เขียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คะแนนก็ไม่ได้ตามหวัง
สิ่งที่เราต้องทำก็คือ
- เขียน outline essay : เริ่มจากวาง Thesis Statement
- เขียนหลายๆ เวอร์ชั่น : จากประสบการณ์ผม ไอเดียแรกสุดมักไม่เวิร์คครับ เขียนไปได้สักพัก รู้สึกอยากเปลี่ยน เพราะ Topic Sentence แคบเกิน ตัน เขียนออกยาก ดังนั้นผมแนะนำเลยว่า เขียน Outline หลายๆ เวอร์ชั่นครับ
- เลือกอันที่เราถนัดมือที่สุด และลองเขียน
สิ่งที่ช่วยชูคะแนนให้ Essay Writing ของเราได้ดีมากๆ คือ โครงสร้างครับ แน่นอนว่ามันน่าเบื่อสุดๆ ต้องเขียนเริ่มจาก Thesis statement โน้นนี่นั่น แต่ผมว่ามันคะแนนฟรีเลยครับ ผมเคยช่วยนักเรียนคนนึงจากคะแนน Writing 4 เป็น 5 ได้ เพราะช่วยให้ Feedback เรื่องโครงสร้างเท่านั้นครับ
ดังนั้นผมกราบเลย ถ้าอยากได้คะแนนสูงๆ ลอกโครงสร้างวิชาการเลยครับ ง่ายและแถมไม่ต้องทำอะไรใหม่ให้เสียเวลาในห้องสอบด้วย
ขั้นตอนที่ 2 : วางดราฟแรก
ขั้นตอนนี้คือการเอา Outline เวอร์ชั่นที่เราถนัดมือที่สุดมาเขียนครับ โดยผมอยากให้ทุกคนไม่ต้องสนใจ Grammar ณ ตอนนี้ครับ เขียนให้ flow ใจความต้องได้ เน้นให้มันอยู่บนหน้ากระดาษ (หรือหน้าคอมพิวเตอร์) เราก่อน
จุดนี้จะเป็นช่วงชี้ขาดเลยครับสำหรับผม เพราะถ้า outline essay ที่เราทำมา Topic Sentence แคบ เราจะหา Supporting Sentence มาเขียนได้ยาก ซึ่งจะทำให้เรารนสุดๆ และอยากจะเปลี่ยน Thesis Statement หรือ Topic Sentence ใหม่เลยครับ
ดังนั้นเขียนให้สุดครับ แล้วลองอ่านว่าพอได้ไหม ถ้าอยากได้ Topic Sentence สัก 3 แต่คาอยู่ที่ 2 ผมอาจจะเริ่มเหลือบไปดู outline เวอร์ชั่นอื่นๆ แล้วว่ามันพอนำมาปรับใช้กันได้ไหม หรือเปลี่ยนไปเวอร์ชั่นใหม่ดีครับ
ขั้นตอนที่ 3 : ตกผลึก (Editing & Refining)
ขั้นตอนการตกผลึกเป็นขั้นตอนอาวุธลับที่ช่วยให้คะแนนเราสูงได้มากๆ เลยครับ เพราะการเขียนกับการคิดเป็นสิ่งที่มาคู่กัน
การตกผลึกเพื่อปรับดราฟแรกจะทำให้เราเห็นมุมมอง เห็น flow ที่ทำให้เราไม่เห็นตอนช่วงขั้นตอนวางแผน (ขั้นตอนที่ 1) รวมถึงคำศัพท์ผิด ไปจนถึงพลาดไวยากรณ์ ก็ทำให้เรามีโอกาสแก้ตัวและทำให้งานเขียนเรามีความคมมากขึ้น ดังนั้นผมแนะนำว่าอย่าส่งดราฟแรกเด็ดขาด คอยเกลา essay เราให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ครับ
เริ่มต้นเขียน Essay ต้องทำอย่างไร? 7 ทริค พิชิต IELTS Writing 7
เรารู้ขั้นตอนและหลักการเขียน essay ที่ดีกันไปแล้ว ซึ่งผมเชื่อว่าหลายคนก็รู้อยู่แล้ว แต่แม้จะรู้ขั้นตอนการเขียน Essay ก็จริง แต่ใช่ว่าคะแนนจะเยอะใช่ไหมครับ ถ้าใครสอบหลายๆ รอบจะรู้ดีว่า การจะได้ IELTS 7 พาร์ท Writing ต้องรู้มากกว่านี้
เพราะ IELTS Writing จะวัดจาก
- Grammar (25%)
- Vocabulary (25%)
- Coherence
- Task Response
ดังนั้นทริคที่ผมจะแชร์ต้องตอบโจทย์ปัจจัยทั้ง 4 ข้อนี้ครับ จะมีอะไรมาดูกัน
1. Grammar พื้นฐานต้องแน่น
ใครๆ ก็อยากเขียน essay เป็นเลยแบบไม่พึ่ง Grammar ใช่ไหมครับ ผมตอบเลยว่ายากมากๆ แต่ก็ใช่ว่าเราจะต้องเรียนทุกเรื่องของ Grammar ใช่ไหมครับ?
ผมแนะนำว่าเรื่องของ 12 Tense ยังไงก็ต้องเข้าใจในระดับนึงถึงจะสามารถเขียน essay IELTS ได้โดยไม่ผิดไวยากรณ์ เช่น การใช้ was were การใช้ has had have ซึ่งจะเป็นจุดที่ผิดบ่อยๆ เวลาเขียน essay ครับ
2. ศัพท์ต้องเป๊ะ
การใช้ศัพท์ได้เป๊ะทั้งบริบททั้งความหมายช่วยเราได้มากครับ ไม่ใช่แค่ในส่วน Writing ที่ Vocabulary มีผลต่อการได้คะแนนเราถึง 25% เท่านั้น ในส่วนของ Listening เองก็เหมือนกันครับ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษช่วยให้เรา Paraphrase ประโยคได้ดีขึ้น มี Idioms ในหัวให้เลือกใช้ในห้องสอบมากขึ้น และไม่ถูกหลอกว่าศัพท์ไหนต้องเติม s ศัพท์ไหนไม่เติม s อีกด้วยครับ
3. Parts Of Speech
Parts Of Speech เป็นหนึ่งในเรื่องของ Grammar แต่ที่ผมแยกออกมาเพราะว่ามันสำคัญมากๆ ครับ
การเข้าใจ Part of Speech เหมือนกับการเข้าใจรากฐานของภาษาอังกฤษครับ เราจะเข้าใจมากขึ้นว่าแต่ละคำ แต่ละประโยคทำหน้าที่อย่างไรในประโยค แล้วช่วยให้เราไม่ต้องจำ Grammar แบบท่องจำเรื่อยเปื่อย แต่เข้าใจแบบเข้าใจจริงๆ เลยครับ
4. โครงสร้างประโยค
สิ่งที่ยากที่สุดของการเขียน essay คือการเขียน paragraph ใช่ไหมครับ และหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้มันยาก เพราะ Grammar ของประโยคภาษาอังกฤษครับ